รีเซต

Airbus ย้ำเอกชน - ทหารไทยเป็นลูกค้าสำคัญ พร้อมจัดเต็มบูธงาน Defence & Security Exhibition 2025

Airbus ย้ำเอกชน - ทหารไทยเป็นลูกค้าสำคัญ พร้อมจัดเต็มบูธงาน Defence & Security Exhibition 2025
TNN ช่อง16
7 พฤศจิกายน 2568 ( 18:09 )
12

แอร์บัส (Airbus) ผู้ผลิตอากาศยานสำหรับพลเรือนและทหารชื่อดัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทยก่อนงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (Defence & Security Exhibition) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า ไทยเป็นลูกค้าที่บริษัทให้ความสำคัญและสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปี พร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนทั้งด้านเทคโลยีป้องกันประเทศที่เกี่ยวข้อง เมื่อ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ภาพรวม Airbus ในประเทศไทย

แอร์บัสได้เน้นย้ำถึงบทบาทอันมั่นคงของบริษัทในประเทศไทย ปัจจุบันมีเฮลิคอปเตอร์ทั้งในภาคพลเรือน งานบริการกึ่งสาธารณะ (Parapublic) และทหารมากกว่า 70 ลำ รวมถึงเครื่องบินลำเลียงทางทหารกว่า 15 ลำ ที่กำลังประจำการอยู่กับหน่วยงานภาครัฐและเหล่าทัพต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนภารกิจหลากหลาย ตั้งแต่การลำเลียงกำลังพลและสัมภาระ การค้นหาและกู้ภัย (Search And Rescue: SAR) การแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Services: EMS) ไปจนถึงภารกิจด้านมนุษยธรรม

เครื่องบิน

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กองทัพอากาศไทย (ทอ.) ลงนามสั่งซื้อเครื่องบิน แอร์บัส เอ330 มัลติโรล แทงเกอร์ ทรานสปอร์ต พลัส (A330 Multi Role Tanker Transport Plus: MRTT+) เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบพหุภารกิจ 1 ลำ ซึ่ง Airbus มองว่า การมาของ A330 MRTT+ จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการเคลื่อนย้ายทางอากาศและขยายขอบเขตการปฏิบัติภารกิจ ตั้งแต่การป้องกันประเทศไปจนถึงภารกิจด้านมนุษยธรรม 

ในขณะที่กองทัพบกไทยปัจจุบัน ใช้งานเครื่องบินลำเลียงยุทธวิธีแบบซี 295 (C295) ซึ่งมีความอเนกประสงค์สูงสำหรับภารกิจลำเลียงกำลังพลและสัมภาระ อีกทั้งยังสามารถปรับใช้ได้กับภารกิจหลากหลายรูปแบบ อาทิ การค้นหาและกู้ภัย การบรรเทาสาธารณภัย การดับไฟป่า การฝึกกระโดดร่ม และการลาดตระเวนทางทะเล

เฮลิคอปเตอร์

เฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางรุ่น H175 เริ่มเข้าประจำการกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อปี 2560 ซึ่งถือเป็นผู้ใช้งานรายแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ยังถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศต่าง ๆ ทั่วภูมิภาค อาทิ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง และมาเลเซีย

ด้านกองทัพบกได้ใช้งานเฮลิคอปเตอร์ทางทหารรุ่น เอช 125 เอ็ม (H125M) ที่แอร์บัสมองเห็นศักยภาพในการใช้งานสำหรับภารกิจหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจขนส่งเพื่อการสาธารณูปโภค การดับไฟป่า การสำรวจทางธรณีวิทยาและสัตว์ป่า การบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนการฝึกนักบินขั้นต้น (ab-initio) โดยสามารถใช้ร่วมกับระบบจำลองการบินเสมือนจริง H125 (H125 VRS) ของบริษัทด้วย

ดาวเทียม

ในด้านอวกาศ แอร์บัสกำลังพัฒนาดาวเทียม OneSat รุ่นแรกของไทยที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้กับบริษัท ไทยคม ซึ่งเป็นดาวเทียมที่มีความยืดหยุ่นสูง มอบการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพและสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ตามความต้องการ

ความร่วมมือเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ แอร์บัสยังรักษาความร่วมมือกับบริษัท อุตสาหกรรมการบินไทย จำกัด (TAI) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 (2017) ในด้านการให้บริการหลังการขายสำหรับฝูงเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยงานภาครัฐ ปัจจุบัน TAI ทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาหลักและศูนย์ตกแต่ง (Completion Centre) สำหรับการจำหน่ายเฮลิคอปเตอร์ของแอร์บัสให้แก่หน่วยงานภาครัฐของไทย รวมถึงเป็นผู้ให้บริการบำรุงรักษาหลักให้กับกองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ภาพรวม Airbus ในงาน Defence & Security Exhibition 2025

แอร์บัสได้เตรียมนำเสนออากาศยาน แพลตฟอร์มทางการทหารและโซลูชันที่เกี่ยวข้องจัดแสดงที่บูธ Q33 ในงาน Defence & Security Exhibition 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 13 พฤศจิกายนนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี แอร์บัสเตรียมนำโมเดลเครื่องบิน A330 MRTT A400M และ C295 พร้อมด้วยโมเดลจำลองอากาศยานไร้คนขับ Flexrotor ขนาดเท่าของจริง และเฮลิคอปเตอร์รุ่น H125 H160 และ H175 


เครื่องบิน

เครื่องบินแบบ เอ400เอ็ม (A400M) ซึ่งรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 37 ตัน ออกแบบให้ทำงานได้ทั้งในภารกิจระดับยุทธศาสตร์และยุทธวิธี โดยสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และยานพาหนะได้ พร้อมความสามารถในการขึ้นลงบนรันเวย์ที่ไม่ได้ปูลาดยาง เพื่อสร้างโซลูชันด้านการเคลื่อนย้ายทางอากาศที่ครบวงจรและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดย Airbus ยังนำเสนอกลยุทธ์การผสมผสานฝูงบินที่ประกอบด้วยเครื่องบินแบบ A400M A330 MRTT และ C295 มอบโซลูชันที่ครอบคลุมทุกมิติของภารกิจ ตั้งแต่การป้องกันประเทศไปจนถึงภารกิจตอบสนองต่อสถานการณ์ภัยพิบัติซึ่งมีรายละเอียดในงานด้วยเช่นกัน

โดรน

แอร์บัสยังนำเสนอระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) แบบครบวงจรสำหรับงานด้านความมั่นคง ดังนี้

  • เซอร์แทป (SIRTAP) อากาศยานไร้คนขับเชิงยุทธวิธีที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับภารกิจลาดตระเวนทางทะเลและการป้องกันชายแดน พร้อมขีดความสามารถในการปฏิบัติการด้านข่าวกรอง การสอดแนม และการเฝ้าตรวจ (Intelligence, Surveillance and Reconnaissance ISR) ในทุกสภาพอากาศ 
  • เฟล็กซ์โรเตอร์  (Flexrotor) ระบบอากาศยานไร้คนขับปีกตรึงขนาดเล็กแบบขึ้นลงทางดิ่ง (VTOL) ที่ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติการระยะยาวและภารกิจที่ต้องการความลับสูง โดยมีชั่วโมงบินกว่า 5,000 ชั่วโมง ในพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับภารกิจ ISTAR

เฮลิคอปเตอร์

นอกจากนี้ แอร์บัสยังนำเสนอเฮลิคอปเตอร์หลากหลายรุ่น อาทิ เอช125 (H125) เอช160 (H160) และเอช175 (H175) ซึ่งสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การขนส่งนอกชายฝั่ง (offshore) การแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) และการบริการสาธารณะ 

ทั้งนี้ แอร์บัสให้ความเห็นว่า เฮลิคอปเตอร์รุ่น H160 มีศักยภาพที่จะทำงานร่วมกับ H175 ของไทยในหลากหลายภารกิจ ตั้งแต่การค้นหาและกู้ภัย (SAR) งานของหน่วยงานรัฐในการบังคับใช้กฎหมาย ไปจนถึงการดับเพลิงและการแพทย์ฉุกเฉิน

ทิศทางอากาศยานทางการทหารในอนาคต

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (Defence & Security Exhibition) ผู้บริหารของแอร์บัสได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่สื่อให้ความสนใจคือระบบอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial System: UAS) เนื่องจากโดรนมีบทบาทสำคัญสถานการณ์ความมั่นคงในระดับโลกและภูมิภาค รวมถึงความขัดแย้งชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน

โดยสื่อได้สอบถามว่า Airbus ได้พัฒนาระบบเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับขนาดกลาง - ใหญ่ สำหรับขนส่งหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทระบุว่ามีการพัฒนาแต่ยังไม่มีแผนในการเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ด้านคำถามที่ว่าหน่วยงานความมั่นคงประเทศไทยแสดงความสนใจระบบเซอร์แทป (SIRTAP) และเฟล็กซ์โรเตอร์ (Flexrotor) ของบริษัทหรือไม่ ซึ่งบริษัทระบุว่าในปัจจุบันยังไม่มีการพูดคุยแต่อย่างใด

คำถามจาก TNN Tech

ด้าน TNN Tech ได้สอบถามความเห็นต่อการพัฒนาระบบฝูงบินไร้คนขับว่า Airbus มีความเห็นอย่างไรบ้าง ซึ่งซากีร์ ฮามิด หัวหน้าฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิก แอร์บัส ดีเฟนซ์ แอนด์ สเปซ ได้ตอบคำถามนี้ว่า อนาคตระบบอากาศยานจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนักบินและโดรน

โดย Airbus มีระบบที่เรียกว่า Future Combat Air System (FCAS) ซึ่งเป็น "ระบบของระบบ" (System of systems) ซึ่งเป็นการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อให้เกิดการทำงานของผู้ควบคุมจากอากาศยาน เช่น เครื่องบินรบ และ UAS สามารถทำงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายโดยอัตโนมัติตั้งแต่เริ่มจนจบภารกิจ 

ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลสิงคโปร์จับมือ Airbus พัฒนาระบบ “HTeaming” ผสมเฮลิคอปเตอร์ H225M กับโดรน Flexrotor ให้ทำงานร่วมกันได้ โดยลูกเรือบน H225M จะสามารถควบคุมโดรนได้โดยตรง เพื่อเสริมขีดความสามารถในภารกิจทหารและกู้ภัย ตามที่ TNN Tech รายงาน ซึ่งผู้บริหาร Airbus เปิดเผยภายในงานแถลงข่าวว่าผลการทดสอบระบบ HTeaming จะเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้

(จากซ้ายไปขวา):  อเล็กซานเดอร์ ซานเชซ กรรมการผู้จัดการ แอร์บัส เฮลิคอปเตอร์ ประเทศไทย, เบิร์ท พอร์ทแมน ผู้แทนแอร์บัสประจำประเทศไทย, ซากีร์ ฮามิด หัวหน้าฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิก แอร์บัส ดีเฟนซ์ แอนด์ สเปซ


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง