SC ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.00-4.50% เสนอขาย 16-18 ม.ค.นี้
#ทันหุ้น - “SC” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี ชูดอกเบี้ย 4.00-4.50% ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ คาดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2567 นี้ โดยบริษัทฯ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้ หรือ Investment Grade โดยจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “SC” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวน 2 ชุด ได้แก่อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.00-4.10]% และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.35-4.50]% โดยบริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2567
สำหรับหุ้นกู้ที่ออกทั้ง 2 ชุดนี้ เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบน ตลอดจนรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้คืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจทั้งการซื้อที่ดินและในส่วนของธุรกิจใหม่ๆ และได้แต่งตั้ง 4 สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 15,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,394 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิ 1,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% โดยช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ เปิดตัวไปทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 28,400 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 16 โครงการและคอนโด 1 โครงการ และสามารถสร้างยอดขายหรือ Presale ได้กว่า 20,681 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 3,499 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20%
ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 บริษัทฯ ได้เปิดโครงการไปแล้ว 5 โครงการมูลค่ารวมกว่า 8,300 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการและคอนโด 1 โครงการ ในส่วนธุรกิจใหม่บริษัทฯ มีแผนจะเปิดโรงแรมแห่งใหม่ที่สุขุมวิท 29 และเตรียมพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าแห่งใหม่ ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรประการ ซึ่งเป็นคลังสินค้าแห่งที่ 3 ของบริษัทฯ และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567