รีเซต

“หิ่งห้อย” กำลังสูญพันธุ์ สัตว์เรืองแสงที่ใกล้ดับสูญ

“หิ่งห้อย” กำลังสูญพันธุ์ สัตว์เรืองแสงที่ใกล้ดับสูญ
TNN ช่อง16
25 มิถุนายน 2568 ( 10:30 )
6

แม้ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ จะเฝ้ารอชมแสงอันงดงามจากหิ่งห้อยแต่รายงานล่าสุดชี้ว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้กำลังเผชิญวิกฤตประชากรลดลงทั่วโลก ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ในอนาคต


จากรายงานของ International Union for Conservation of Nature (IUCN) พบว่า หิ่งห้อยหลายสายพันธุ์ในอเมริกาเหนือถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ แม้ว่าการวิจัยเกี่ยวกับหิ่งห้อยจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และข้อมูลยังมีข้อจำกัด แต่ก็มีเสียงเรียกร้องให้เร่งศึกษาประชากรของหิ่งห้อยอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถอนุรักษ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


องค์กร Xerces Society for Invertebrate Conservation ซึ่งทำงานด้านการอนุรักษ์แมลง ได้ออกแถลงการณ์ย้ำถึง “ความจำเป็นเร่งด่วน” ในการติดตามประชากรหิ่งห้อย พร้อมเสนอให้เพิ่มความพยายามในการอนุรักษ์ อย่างในรัฐอิลลินอยส์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ (University of Illinois) เตือนว่ามีสัญญาณชัดเจนว่าจำนวนประชากรหิ่งห้อยในพื้นที่กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง


ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ระบุว่า ในรัฐมีหิ่งห้อยมากกว่า 20 สายพันธุ์ จากทั้งหมดกว่า 2,000 สายพันธุ์ทั่วโลก หิ่งห้อยไม่ใช่ “แมลง” หรือ “แมลงวัน” ตามชื่อเรียก แต่แท้จริงแล้วเป็นแมลงปีกแข็งในวงศ์ Lampyridae ซึ่งแปลว่า “ไฟที่เปล่งประกาย” สายพันธุ์หิ่งห้อยที่พบได้บ่อยที่สุดในอิลลินอยส์คือ “บิ๊กดิปเปอร์” ซึ่งมักอาศัยอยู่ตามข้างถนน หรือพื้นที่โล่ง เช่น สนามหญ้าและทุ่ง โดยมักปรากฏตัวในช่วงพลบค่ำตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

ตัวเต็มวัยของหิ่งห้อยจะมีชีวิตอยู่เพียงไม่กี่สัปดาห์ เพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ ก่อนที่ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ซึ่งใช้เวลาหลายเดือนกัดกินหนอน ทาก และหนอนผีเสื้อในดิน แล้วจำศีลจนถึงฤดูใบไม้ผลิถัดไป


การลดลงของประชากรหิ่งห้อยเกิดจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย มลภาวะทางแสง และการใช้สารเคมีทางการเกษตร การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร BioScience เมื่อปี 2020 ระบุว่า แสงไฟจากเมืองรบกวนระบบการสื่อสารของหิ่งห้อย เพราะแสงที่พวกมันเปล่งออกมาใช้ในการดึงดูดคู่ผสมพันธุ์ เมื่อมีแสงรบกวนมาก การหาคู่ก็ยิ่งยากขึ้น นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมในสวนและสนามหญ้าที่ได้รับการดูแลอย่างเรียบร้อยเกินไป ก็ไม่เหมาะสมกับการวางไข่ของหิ่งห้อย โดยเฉพาะตัวอ่อนที่อาศัยอยู่ในกองใบไม้ผุ ไม้ผุ และพื้นที่ชื้นแฉะ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งมักถูกกำจัดในกระบวนการทำสวนทั่วไป


อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการใช้สารเคมีกำจัดแมลง ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าหญ้า ซึ่งนอกจากจะกำจัดแหล่งอาหารของตัวอ่อนหิ่งห้อย เช่น ทากหรือหนอนแล้ว ยังอาจทำลายที่พักอาศัยของหิ่งห้อยโดยตรง สารเคมีที่ใช้พ่นเพื่อกำจัดยุงก็ส่งผลกระทบเช่นเดียวกัน


หิ่งห้อยทุกชนิดมีความสามารถในการเปล่งแสง (bioluminescent) โดยเฉพาะในช่วงตัวอ่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อโตเต็มวัยแล้ว บางสายพันธุ์ที่บินในช่วงกลางวันอาจไม่เปล่งแสงเหมือนสายพันธุ์ที่บินตอนกลางคืน

.

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถช่วยอนุรักษ์หิ่งห้อยได้ เช่นลดแสงไฟภายนอกบ้าน ปิดไฟที่ไม่จำเป็น หรือใช้หลอดไฟที่ควบคุมทิศทางแสงให้อยู่ในแนวดิ่งลงพื้น แทนที่จะส่องออกไปด้านข้างหรือขึ้นบน นอกจากนี้ควรสร้างแหล่งที่อยู่อาศัย ปล่อยให้บางส่วนของสวนหรือสนามหญ้าเติบโตอย่างธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการตัดหญ้าบ้าง และที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้า รวมถึงหลีกเลี่ยงการพ่นสารกำจัดยุง ใช้วิธีธรรมชาติเช่น การใช้พัดลม หรือกำจัดแหล่งน้ำขังแทน


ส่วนในประเทศไทยนั้น ข้อมูลล่าสุดจากนักชีววิทยาและนักอนุรักษ์ในประเทศไทยยืนยันว่า จำนวนประชากรหิ่งห้อยในบางพื้นที่ลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายพันธุ์ในสกุล “Pteroptyx ที่เคยพบได้ทั่วไปตามคลองและป่าชายเลน เช่น ที่อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และคลองแถบภาคใต้ ปัจจุบันกลับพบเห็นน้อยลง โดยสายพันธุ์หิ่งห้อยหลายชนิดในไทย เช่น Pteroptyx malaccae, P. tener และ P. bearni ถูกจัดอยู่ในบัญชีเสี่ยงสูญพันธุ์ของ IUCN ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับความเปราะบางของระบบนิเวศโดยรอบ


การปกป้องหิ่งห้อยไม่ใช่เพียงแค่การอนุรักษ์แมลงสายพันธุ์หนึ่ง แต่ยังเป็นการปกป้องระบบนิเวศในสวนของเราให้คงอยู่อย่างสมดุล เพื่อให้รุ่นต่อไปยังคงมีโอกาสได้ชมหิ่งห้อยเช่นเดียวกับพวกเราในวันนี้

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง