คลังชงครม.สัปดาห์หน้าขออนุมัติเพิ่มทุนการบินไทย 2-3 หมื่นล.
คลังชงครม.สัปดาห์หน้าขออนุมัติเพิ่มทุนการบินไทย หวังรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ไม่เกิน 40% เพื่อไม่ให้กลับเข้าเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยวงเงินเพิ่มทุนอยู่ที่ 2-3 หมื่นล้านบาท นำมารายได้จากการบริหารหลักทรัพย์ที่คลังถือหุ้นอยู่มาใช้ในการเพิ่มทุน
#THAI #ทันหุ้น ทันหุ้น นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าพิจารณาอนุมัติการใส่เงินเข้าเพิ่มทุนในบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) (THAI)หลังจากที่การบินไทยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนก่อนปรับโครงสร้างทุนในวันที่ 6-12 ธ.ค.นี้
เขากล่าวว่า ปัจจุบัน กระทรวงการคลังถือหุ้นในการบินไทยอยู่ที่ประมาณ 47.9% ภายหลังแปลงหนี้เป็นทุนและการเพิ่มทุนในการบินไทยแล้ว กระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ และธนาคารออมสิน จะคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ที่ประมาณ 40% ต้นๆ โดยในส่วนการเพิ่มทุนของกองทุนวายุภักษ์นั้น ทางผู้บริหารหลักทรัพย์จะเป็นผู้พิจารณา ส่วนธนาคารออมสินนั้น ทางคณะกรรมการของธนาคารจะเป็นผู้พิจารณา
“โดยรวมแล้ว การเพิ่มทุนของกระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ และ ธนาคารออมสิน จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นไม่เกินระดับที่จะทำให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีก โดยอาจจะอยู่ที่ประมาณ 40% ต้นๆ“
สำหรับเม็ดเงินเพิ่มทุนที่กระทรวงการคลังจะนำมาใช้นั้น จะเป็นการนำรายได้ที่เป็นเงินฝากจากการบริหารหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง คาดว่า เม็ดเงินจะอยู่ที่ไม่เกิน 2-3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังได้แจ้งการบินไทยว่า พร้อมใช้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นในการแปลงหนี้เป็นทุนทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมูลหนี้ทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้เก่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 โดยข้อดีของการแปลงหนี้เป็นทุน คือ เมื่อเราถือหุ้นครบกำหนด 1 ปี และราคาหุ้นดีขึ้น เราสามารถขายหุ้นออกไป และได้เงินกลับมา แต่ถ้าเรารอการชำระหนี้ ต้องใช้เวลานาน แม้ว่า จะได้รับอัตราดอกเบี้ยคืนเพิ่มอีก 1.5% ของมูลหนี้ก็ตาม
สำหรับการบินไทยนั้น หลังการปรับโครงสร้างทุนแล้ว ส่วนทุนของการบินไทยจะกลับมาเป็นบวก เข้าเงื่อนไขการยื่นออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ คาดว่า จะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ภายในเดือนก.พ.2568 จากนั้น จะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ราวเดือนพ.ค.2568