“กมธ.สิทธิมนุษยชน ส.ว.” เสนอ ตำรวจนำ 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จหลังให้การขัดกัน
“กมธ.สิทธิมนุษยชน ส.ว.” เสนอ ตำรวจนำ 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จหลังให้การขัดกัน ประกาศตามหาผ้าคลุมขาวแตงโมที่หายไป พร้อมตรวจวันพีซเพิ่มหาคราบเลือดพิสูจน์สาเหตุการดับ ด้าน “เต๊ะ ศตวรรษ” วอนโซเชียลอย่าสนแค่ยอดไลก์ คนทำคดีจะเหนื่อย ลั่น คดีนี้จะจบไม่ได้หากไม่มีคนพูดความจริง
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 21 มีนาคม ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เป็นประธานในการประชุมเพื่อพิจารณากรณีที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีการเสียชีวิตของบุตรสาว คือน.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง โดยมี พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะกมธ. เข้าร่วมประชุมด้วย ขณะที่กมธ.บางส่วนได้เข้าประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งวันนี้เป็นการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลต่อกมธ.หลังเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี นอกจากนี้ยังมีนายศตวรรษ เศรษฐกร หรือเต๊ะ นักร้อง นักแสดงชื่อดังเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ โดยระบุว่าเป็นตัวแทนของครอบครัว
จากนั้นเวลา 12.35 น. นายสมชาย แถลงภายหลังการประชุมว่า วันนี้กมธ.ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้หากประเด็นใดที่ยังไม่ได้ข้อยุติและอยู่ในระหว่างการสอบสวนในสำนวนคดี ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ยังไม่ต้องแจ้งต่อกมธ.ได้ เพราะเราต้องการให้การรวบรวมสำนวนในคดีเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ กมธ.ได้รับข้อมูลและคำชี้แจงจากการตรวจพยาน วัตถุต่างๆ จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และในส่วนของหมอที่ผ่าศพแตงโมครั้งแรกก็มาร่วมเป็นที่ปรึกษาในการผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 2 ด้วย อีกทั้ง กมธ.ก็ได้มอบหมายให้พญ.คุณหญิงพรทิพย์ไปร่วมสังเกตการณ์ โดยได้สรุปการผ่าศพทั้ง 2 ครั้งมาในรายงานให้กมธ.ทราบแล้ว แต่ตนยังไม่สามารถแถลงต่อสื่อมวลชนได้ ซึ่งหากได้ข้อมูลครบถ้วนทั้งหมดจนสรุปได้แล้ว เอกสารทั้งหมดนี้จะถูกรายงานต่อสภาฯ ในภายหลัง
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เบื้องต้นกมธ.มีประเด็นที่ฝากไปยังหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการสอบปากคำเพิ่มเติมบุคคลทั้ง 5 คน ซึ่งกมธ.คิดว่ายังไม่ครอบคลุมเท่าไหร่ โดย 1.ตนเสนอให้ใช้เครื่องจับเท็จ เพราะคำให้การที่ขัดกันหลายอย่าง สามารถพิสูจน์ได้โดยวิธีวิทยาศาสตร์ 2.เรื่องที่ต้องตรวจพิสูจน์เพิ่มเล็กน้อยคือชุดที่น.ส.นิดาใส่ในวันนั้น ซึ่งเป็นชุดว่ายน้ำแบบวันพีซไม่ใช่ชุดบอดี้สูท เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่ามีการทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิตหรือไม่ โดยเฉพาะการพิสูจน์คราบเลือด และการเสียชีวิตเกิดขึ้นก่อนหรือหลังตกเรือ 3.ผ้าคลุมสีขาวที่มีลักษณะทำเป็นกระโปรงได้นั้นหายไป ซึ่งตำรวจยังไม่ทราบว่าหายไปได้อย่างไร หากใครพบเห็นขอให้นำส่งสภ.นนทบุรี 4.ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างรัดกุมตรงไปตรงมาและรวดเร็ว เพื่อให้ประเด็นที่ถูกขยายผลในโซเชียลมีเดีย เช่น การตัดต่อภาพเครื่องเรือจากเลข 200 เป็น 300 แรงม้า อาจทำให้คดียืดออกไปด้วยเทคนิคของผู้ไม่หวังดีหรืออาจจะมีผู้สงสัยใดๆ ก็ตาม ก็ขอให้ช่วยกันดู แต่ก็ไม่ควรตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนประเด็นใดที่สามารถตัดได้แล้วก็ควรจะเป็นข้อยุติ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้น.ส.นิดาและญาติอย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัตถุพยานไป 100 กว่าชิ้นแล้ว แต่ถ้ายังมีเรื่องงอกออกมาเรื่อยๆ จะก็ทำให้ทุกอย่างเหมือนกับคดีลุงพลป้าแต๋น ส่วนการประชุม กมธ.สัปดาห์หน้าจะยังไม่ได้เชิญใครมาให้ข้อมูล แต่เราจะนำเอกสารสรุปผลการประชุมและผลการชันสูตรศพทั้ง 2 ครั้งมาประชุมกันเพื่อหาข้อยุติ รวมถึงเอกสารพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ ของทุกหน่วยงาน และภาพกล้องวงจรปิดซึ่งเราได้ขอไว้หมดแล้วจากทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและหน่วยงานต่างๆ มาประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางของกมธ.ต่อไป
“เรายังไม่ได้สรุปว่าใครโกหกทั้งหมด แต่เรามีข้อสงสัยในคำให้การของบุคคลทั้ง 5 คนที่ยังขัดกัน อาจจะมีคนที่รู้ความจริงแล้วยังพูดไม่หมดหรืออาจจะโกหกนั้น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงทนายที่ให้คำแนะนำ ไม่ว่าใครก็ตามแน่นอนว่าอาจจะมีคนรู้ความจริง มีการไปเตี๊ยมกันแน่นอน ย้ำว่ามีความผิดทางอาญา เพราะถือว่ามีส่วนร่วมในคดีด้วย” นายสมชาย กล่าว
ด้านนายศตวรรษ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของพ่อแม่ ได้เห็นการทำงานของกมธ.ที่มีความตั้งใจ ซึ่งในมุมของตนคิดว่าคดีนี้ยังมีความซับซ้อนอยู่ เพราะเริ่มจากกระดุมเม็ดแรกคือขั้นตอนการรวบรวม หลายสิ่งที่เป็นพยานและหลักฐานเป็นไปในด้านที่ทำให้เรามีความสงสัย แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามชี้แจงหลักการ ซึ่งบางเรื่องตนก็เห็นด้วยแต่คดีนี้จะจบไม่ได้หากไม่มีข้อมูลที่แท้จริง การนำเข้าเครื่องจับเท็จ คนบนเรือพูดและกระทำอะไรบ้าง ทำไมการสื่อสารของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ตนก็สอบถามไปซื่อๆ และไม่รู้ข้อกฎหมายว่าทำไมในเมื่อทุกคนโกหกจึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาแค่ 2 คนและอีก 3 คนไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวว่า ซึ่งได้รับคำตอบว่าอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ส่วนเรื่องการชันสูตร ตนเข้าไปร่วมผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 2 ซึ่งได้เห็นบาดแผลบางจุดเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพิสูจน์ว่าคืออะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม สื่อโซเชียลอาจจะไม่ได้คำตอบทั้งหมดแต่ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้เราได้ข้อมูลดีๆ
“แต่ผมขอร้องว่าอย่าทำอะไรเพื่อความสนุก อย่าตัดต่อเพื่อหาชื่อเสียง อย่าทำอะไรเพียงแค่ต้องการยอดไลก์ยอดวิว ไม่เช่นนั้นคนที่ทำงานจะเหนื่อย เพราะเรามีปัญหาเรื่องข้อมูลจากโลกออนไลน์ที่ส่งเข้ามาให้เรา ทำให้งงได้เหมือนกันว่าอันไหนของจริง หากใครรักแตงโมจริงๆ ขอให้เอาความจริงออกมาคุยกัน ส่วนคนที่เกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง ผมอยากฝากบอกพวกเขา ผมเชื่อว่าแตงโมรักพวกเขา และคุณแม่ก็รักพวกเขาเหมือนที่เราได้ยินจากปากคุณแม่ แต่คุณสำแดงความรับผิดชอบด้วยความจริง คดีนี้จะจบไม่ได้ถ้าไม่มีคนพูดความจริง เพราะแต่ละคนสื่อสารคนละทิศคนละทาง ผมไม่อยากเห็นใครเข้าเครื่องจับเท็จ แต่ถ้าไปถึงจุดนั้นการพูดความจริงคือทางออกเดียว เพราะการพูดความจริงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปและไม่ใช่เรื่องที่น่าละอาย แต่ถ้าพยายามยื้อต่อไปเรื่อยๆ ความจริงมันไม่หายไปไหนมันอยู่กับคุณตลอดชีวิต คุณอาจจะไม่ได้รับโทษในเรื่องคดีความ” นายศตวรรษ กล่าว
นายศตวรรษ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าการอยู่ในสังคมที่คนพยายามหาความจริง คุณจะอยู่ได้ยากลำบาก ตนไม่อยากให้ใครเป็นอย่างนั้น อยากให้ทุกคนได้รับโทษในสิ่งที่ควรจะได้รับ เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ยิ่งพยายามหนีจะยิ่งเป็นปัญหามากขึ้น ส่วนตัวขอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับมามองเรื่องความยุติธรรม ตำแหน่งหน้าที่ที่เราได้รับเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ตนอยากเห็นการทำงานที่สัตย์ซื่อตรงไปตรงมา เพราะสิ่งที่ดีได้รับคือสังคมจะได้รับการเปลี่ยนแปลง ไม่มีหน่วยงานไหนได้หน้าได้ตา แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เรากังวลใจ ทั้งนี้ มีแฟนคลับชาวเวียดนามมาหาตนว่าหากคดีของน.ส.นิดาไม่ได้รับความเป็นธรรม คนเวียดนามจะไม่มาเที่ยวเมืองไทย เพราะเขาไม่มั่นใจ ตนถามว่าแบบนี้มันคุ้มหรือไม่ เราปกป้องใครอยู่ เรามีปัญหาที่ต้องแก้ไขที่ส่งผลต่อคนส่วนมาก
เมื่อถามว่า จากที่พญ.คุณหญิงพรทิพย์ไปร่วมชันสูตรพิสูจน์ศพรอบที่ 2 ซึ่งปรากฏว่าไม่พบยูเรีย มีประเด็นอะไรที่รายงานกมธ.เพิ่มเติมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ศีรษะไม่ถูกทุบและฟันไม่หัก ซึ่งส่วนใหญ่ผลการชันสูตรรอบที่ 1 และ 2 ใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากการพิสูจน์ครั้งที่ 2 คือศพเปลี่ยนสภาพไปเยอะ ซึ่งยังเหลือเรื่องแผลบางประการที่ต้องตรวจเพิ่มเติม ส่วนแผลที่ขาทางนิติเวชพบว่าเป็นแผลขนาดใหญ่แต่ไม่ลึกถึงกระดูก ซึ่งยังต้องรอผลตรวจชิ้นเนื้อ อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับสภ.เมืองนนทบุรียืนยันว่าไม่ได้หนักใจกับคดีนี้ และไม่มีอิทธิพลใดจะมาสั่งให้เปลี่ยนคดีต่างๆ ได้ โดยผู้บังคับบัญชาล้วนให้กำลังใจและสนับสนุน รวมถึงหน่วยพิสูจน์หลักฐานยังยืนยันว่าทำตามหลักวิชาการ และสถาบันนิติเวชก็ยืนยันว่าทำตามหลักนิติเวช 100% ไม่มีคนไปสั่งซ้ายสั่งขวาได้