ซื้อรถหรูไม่ดูฐานะ รัฐบาลปาปัวฯ จำต้องขาดทุนเลหลัง มาเซราติ
ซื้อรถหรูไม่ดูฐานะ - เดอะการ์เดียน รายงานว่า รัฐบาลปาปัวนิวกินี ประเทศยากจนติดอันดับของภูมิภาคแปซิฟิก แถลงว่าได้ทำผิดพลาดร้ายแรงกรณีสั่งซื้อรถหรู มาเซราติ มูลค่าถึง 5.6 ล้านดอลลาร์ หรือราว 185 ล้านบาท หวังเอาใจผู้นำกลุ่มประเทศเอเปก ที่มาประชุมเอเปก ซัมมิต 2018 ที่ปาปัวฯ เมื่อปี 2561 โดยไม่ดูฐานะ
การจัดซื้อครั้งนั้นทำให้ประชาชนไม่พอใจ และมีผู้นำบางประเทศไม่ขอใช้รถด้วยเพราะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาว และหลังจากการจัดงานจบไปแล้ว ปรากฏว่ารถก็ขายไม่ออก เพราะมีราคาแพง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประชาชนทั่วไปในประเทศ
จากข้อมูลของสหประชาชาติ ประชากรร้อยละ 40 ของปาปัวนิวกินี มีรายได้วันหนึ่งไม่ถึง 1 ดอลลาร์ หรือแค่ 30 กว่าบาท กรณีดังกล่าวยังทำให้เกิดข้อขัดแย้งบานปลาย เมื่อรัฐบาลไม่มีเงินจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ความมั่นคง จนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่บุกอาคารรัฐสภา เมื่อปี 2561
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รัฐในตอนนั้นยังต้องออกประกาศ วอนขอให้คนที่นำรถสำหรับใช้ในการประชุมที่อนุญาตให้บรรดาเจ้าหน้าที่ยืมไปใช้ช่วงนั้นแต่กลับหายไปเกือบ 300 คัน นำมาคืนรัฐบาล
เซอร์ จอห์น พันดารี รมว.คลังของปาปัวฯ แถลงกับสื่อมวลชนว่า "ถ้าเรามองกาลไกลเสียหน่อย คงไม่ต้องซื้อขบวนรถมาเซราติมาตั้งแต่ทีแรก เราไม่มีดีลเลอร์ในประเทศ แต่กลับยังซื้อ ผมไม่เข้าใจเหตุผลเลย และตอนนี้เราต้องมาสะสางเรื่องนี้"
เซอร์พันดารี กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลจำเป็นต้องขายรถออกไปแบบเลหลัง โดยตั้งราคาไว้ที่คันละ 114,000 ดอลลาร์ หรือราคาที่ต่ำกว่าเมื่อตอนซื้อมา ร้อยละ 20
สำหรับขบวนรถมาเซราติ รุ่น Quattroporte ซื้อผ่านดีลเลอร์ในประเทศศรีลังกา แล้วขนส่งทางอากาศด้วยเครื่องจัมโบ้เจ็ตมายังปาปัวนิวกินี เป็นเรื่องที่อื้ออึงไปทั่วประเทศตอนนั้น
ตอนที่ปาปัวฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกครั้งนั้น นายจัสติน ทีคัตเชนโก รัฐมนตรีกิจการเอเปก กล่าวอ้างว่า การสั่งซื้อรถหรูสำหรับผู้นำเป็นมาตรฐานของการประชุมเวทีนี้ และยังอ้างด้วยว่า รถจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
อย่างไรก็ตาม บรรดารถหรูยังคงจอดอยู่ในโกดังที่กรุงพอร์ตมอร์สบี จนเมื่อปี 2562 นายเจมส์ มาเรพ รมว.คลังปีนั้น ซึ่งตอนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี นำสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมรถในโกดัง เพื่อยืนยันว่า ไม่มีรถคันใดถูกขโมยหรือหายไป