รีเซต

STECรัฐบาลใหม่กระตุ้น เล็งชิง2แสนล้านต่อยอด

STECรัฐบาลใหม่กระตุ้น เล็งชิง2แสนล้านต่อยอด
ทันหุ้น
22 มีนาคม 2566 ( 07:26 )
101

#STEC #ทันหุ้น - STEC เชื่อรัฐบาลใหม่ผลักดันงานประมูลต่อเนื่อง แม้จะล่าช้า 1 ไตรมาส เล็งเข้าร่วมชิงตามแผน 2 แสนล้านบาท ดันงานในมือเพิ่มจาก 1.1 แสนล้านบาท โครงการอู่ตะเภาลุ้นทันปีนี้ คงเป้ารายได้ 3.2-3.3 หมื่นล้านบาท โกยธุรกิจใหม่บริหารจัดการระบบประกอบอาคารปีนี้ 100 ล้านบาท โบรกชี้ STEC แรงสุด เลือกตั้งครั้งก่อน เป้า 16.60  บาท

 

นายภาคภูมิ  ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า หลังจากประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง ทางบริษัทไม่ได้กังวลเรื่องความการประมูลงาน ซึ่งอาจจะเลื่อนไปราว 1 ไตรมาส เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่จัดตั้งแล้วเสร็จ คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 นี้ และหลังจากนั้นรัฐบาลใหม่น่าจะสานต่องานประมูลโครงการต่างๆ โดยปกติแล้วรัฐบาลจะเปิดประมูลงานปีละกว่า 7-8 แสนล้านบาท ขณะที่ปีนี้บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลประมาณ 2 แสนล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง, โครงการรถไฟทางคู่ "ขอนแก่น-หนองคาย", โครงการมอเตอร์เวย์ เส้นทางเข้าอู่ตะเภา เพื่อมาสนับสนุนงานในมือให้เพิ่มขึ้น

 

@แบ็กล็อก 1.1 แสนล.

 

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 110,000 ล้านบาท โดยในปี 2566 คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ประมาณ 32,000-33,000 ล้านบาท และต้องติดตามสถานการณ์ของงานโครงการอู่ตะเภา ว่าจะสามารถเริ่มงานในปีนี้ได้หรือไม่ ปัจจุบันได้เตรียมความพร้อมของแบบแล้ว และรอที่จะได้รับหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed) เพราะโครงการดังกล่าว หากสามารถเริ่มงานได้ จะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 2-3 พันล้านบาท แต่ถ้าหากโครงการล่าช้าอาจจะทำไห้รายได้ส่วนนี้หายไปด้วย

 

สำหรับธุรกิจใหม่ของบริษัทที่ บริษัท ซิโน-ไทย โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (STEC ถือหุ้นร้อยละ100) ได้ทำสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท ไซเท็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัท ไซเท็ม เอสทีเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจประเภทธุรกิจ บำรุงรักษา บริหารจัดการระบบประกอบอาคารและงานระบบพิเศษ ปัจจุบันมีการเจรจารับงานต่อเนื่อง ทั้งงานใหม่และงานกจากบริษัท ไซเท็ม คอร์ปอเรชั่น คาดว่าปีนี้จะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งยังศึกษาธุรกิจอื่นๆ ที่จะเป็นธุรกิจใกล้เคียงกันแต่ไม่ใช่งานรับเหมาก่อสร้าง จะมาช่วยเสริมการเติบโตอีกทางด้วย

 

อย่างไรก็ดีปีนี้ยังเดินหน้าในการบริหารจัดการต้นทุน ราคาต้นทุนการก่อสร้างลดลงบ้างแล้ว  และขณะนี้ไม่มีปัญหาด้านแรงงาน เชื่อว่าปีนี้ภาพรวมธุรกิจน่าจะเป็นทิศทางบวก รวมไปถึงการผลักดันเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะเริ่มจากการส่งเสริมกิจกรรมภายในบริษัทจากโครงการเล็กๆ ส่วนโครงการอื่นๆ อยู่ระหว่างการศึกษา เช่นกระบวนการเปลี่ยนเรื่องของโลจิสติกส์ เช่น การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเป็นต้น เพื่อไปสู่เป้าหมายการลดคาร์บอน และปีนี้จะมีการสรุปตัวเลขของการปล่อยคาร์บอนของบริษัทให้ชัดเจน แนวทางการลด รวมไปถึงการผลักดันบริษัทเพื่อเข้าไปสู่ ESG ต่อไป

 

*รายได้มีความมั่นคงไป 3 ปี

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง STEC คาดกำไรสุทธิ  ไตรมาส 1/2566  จะเติบโต จากช่วงเดียวกันปีก่อน  แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้และมาร์จิ้นดีขึ้นเทียบ จากช่วงเดียวกันปีก่อน เชื่อว่ารายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายด้านใต้ และรถไฟรางคู่ เด่นชัย-เชียงรายจะเป็นรายได้หลักของ ไตรมาส 1/2566 อีกทั้งมี Backlog สูง ทำให้การรับรู้รายได้มั่นคงไปใน 3 ปีข้างหน้า หนุนผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่อง

โดยสิ้นปี 2565 มีมูลค่างานในมือ (Backlog) เท่ากับ 1.09 แสนล้านบาท คาดกำไรสุทธิปี 2566 จะเติบโต 47% เป็น 1.2 พันล้านบาท หนุนโดยรายได้โต 11%, GPM สูงขึ้น และมี Economy of Scale

 

แนะนำ “ซื้อ” STEC ให้ราคาพื้นฐาน 16.60 บาท อิง P/BV ปีนี้ที่ 1.25 เท่า โดยระยะสั้นมี Sentiment บวกจากการเลือกตั้งทั่วไป (ทั้งนี้หุ้น STEC ปรับขึ้นดีที่สุด +17% ก่อนการเลือกตั้งครั้งก่อน รองลงมาเป็น SEAFCO ที่ +16%, ITD +5% ส่วน STI ทรงตัว และ CK ลดลง -4%) สำหรับปัจจัยหนุนระยะกลาง-ยาว คือ โอกาสในการเข้าประมูลงานใหม่หลังเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อย เช่น โครงการรถไฟรางคู่, ส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ปัจจุบันอยู่ในช่วงทำ TOR), โครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (อยู่ในช่วงทำประเมิน EIA) เป็นต้น ณ ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/BV ต่ำที่ 0.9 เท่า ฐานะเป็นเงินสดสุทธิ

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง