ไทยผวา พบโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้แล้ว 3 ราย เร่งคุมก่อนหลุดเข้าประเทศ
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวระหว่างการเสวนา “ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์มีความน่ากลัวแค่ไหน” ว่า ธรรมชาติของไวรัสจะมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา โดยปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ 1-2 ตำแหน่งต่อเดือน และปัจจัยที่ทำให้กลายพันธุ์จนมีปัญหาคือ 1.เรื่องของไวรัส 2.สิ่งมีชีวิตที่ไวรัสอาศัยอยู่ และ 3.การรักษาบางอย่างที่ไปบีบคั้นให้ไวรัสกลายพันธุ์ ทั้งนี้ ทั่วโลกจับตาไวรัส 3 ตัว ที่มีการกลายพันธุ์ คือ 1.สายพันธุ์ B.1.1.7(GR,G) จากอังกฤษ 2.สายพันธุ์ B.1.351(GH,G) จากแอฟริกาใต้ และ 3.สายพันธุ์ P.1(GR) จากบราซิล
ผศ.นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในประเทศไทยตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.7 ในกลุ่มคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ รวม 9 ราย และล่าสุด โควิด-19 ตัวล่าสุดที่มีการกลายพันธุ์ B.1.351 จากแอฟริกาใต้ และไทยตรวจพบรายแรกเป็นพ่อค้าพลอยชายไทย อายุ 41 ปี ติดเชื้อมาจากประเทศแทนซาเนีย โดยพบว่ามีอาการปอดอักเสบรุนแรงที่ด้านขวาล่าง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำลง ปริมาณไวรัสแทบไม่ลดลงเลยหลังรับยาฟาวิพิราเวียร์ ภูมิคุ้มกันก็ขึ้นช้ามาก ต้องรักษาแบบประคับประคอง และต้องเปลี่ยนมาให้ยาเรมดิซีเวีย
ผศ.นพ.โอภาส กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การรักษาดีขึ้นแล้ว และล่าสุด รพ.จุฬาฯ ยังตรวจพบสายพันธุ์แอฟริกาใต้เพิ่มอีก 2 ราย ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเช่นกัน และอยู่ระหว่างการรายงานเข้าในระบบ รวมแล้วพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้แล้ว 3 ราย ดังนั้น ต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้สายพันธุ์นี้กระจายในประเทศไทยได้
“สายพันธุ์ B.1.1.7 อังกฤษ ซึ่งพบว่ามีความสามารถในการแพร่กระจายได้ง่าย ล่าสุด ที่อังกฤษพบว่ามีการกลายพันธุ์อีกรอบ เป็นนิวเวอร์ชั่น โดยพบความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้โผล่มาอีก ทั้งที่ผู้ติดเชื้อในอังกฤษที่เจอการกลายพันธุ์รอบใหม่นี้ ไม่มีประวัติเดินทางไปยังแอฟริกาใต้แต่อย่างใด ดังนั้น ต้องติดตามการพัฒนาของไวรัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีประเด็นเรื่องลดการตอบสนองต่อวัคซีน และประเทศไทยต้องป้องกันอย่าให้ระบาดในชุมชน ต้องกักให้อยู่ในที่กักกันก่อนที่เราจะได้รับวัคซีนจนครบ” ผศ.นพ.โอภาส กล่าว