รีเซต

ศูนย์สิริกิติ์งานแน่น BEMเคาต์ดาวน์โกย

ศูนย์สิริกิติ์งานแน่น BEMเคาต์ดาวน์โกย
ทันหุ้น
31 สิงหาคม 2565 ( 06:55 )
335

#BEM #ทันหุ้น - นับถอยหลังเปิดศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 12 กันยายนนี้ ผู้บริหาร เอ็น.ซี.ซี. รับอีเวนต์หนาแน่นทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดยืนยันจัดงานมากกว่า 160 งานถึงสิ้นปีหน้า ทั้งงานไมซ์ และคอนเสิร์ต และมหกรรมเกมที่ใหญ่สุดในอาเซียน คาดคนแห่ร่วมงาน 13 ล้านคนต่อปี จากเดิม 6 ล้านคน ด้านโบรกชู BEM จะได้รับผลดีปริมาณผู้โดยสาร MRT พุ่งวางเป้า 9.70 บาท

 

นายศักดิ์ชัย  ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน เชื่อมั่นว่าจะมีรูปแบบ

 

และโปรไฟล์อีเวนต์ใหม่ๆ เข้ามาจัดงานอีกเป็นจำนวนมาก ขณะนี้มีงานอีเวนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ยืนยันมาแล้วว่าจะจัดงานที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ กว่า 160 งาน โดยจะจัดงานตั้งแต่ศูนย์เปิดให้บริการกันยายนนี้จนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งมีทั้งงานไมซ์ (MICE) และงานไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสิร์ต อย่างงาน "T-Pop Concert Fest" ที่รวมศิลปินเพลงป๊อปแนวหน้าของไทย เช่น พีพี บิวกิ้น, ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป 4EVE, โบกี้ ไลอ้อน ในวันที่ 29-30 ตุลาคม 2565 นี้ และยังมีงานมหกรรมเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "Thailand Game Show" ในวันที่ 21-23 ตุลาคม 2565 และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ในวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2565

 

นอกจากนี้ยังมีงานระดับอินเตอร์จากหลายประเทศ เข้ามาจัดในไทยเป็นครั้งแรก โดยจะใช้พื้นที่ในศูนย์ประชุม สิริกิติ์ในปีนี้ ประกอบด้วย Asia Pacific Leather Fair หรือ APLF ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเครื่องหนังชั้นนำของโลก

 

ปกติแล้วจะจัดอยู่ที่ฮ่องกง โดยจะจัดงานที่ศูนย์ในวันที่ 19-21 ตุลาคม 2565, งาน ASIA FRUIT LOGISTICA งานแสดงสินค้านานาชาติด้านผักและผลไม้แห่งภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเคยจัดอยู่ที่ฮ่องกงเช่นกัน จะจัดในวันที่ 2-4 พฤศจิกายน

 

2565 และงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) งานจัดแสดงสินค้าอัญมณีครั้งยิ่งใหญ่รวบรวมทั้งการค้าขาย สัมมนา และกิจกรรมเสริมความรู้ด้านอัญมณี เพื่อผู้ซื้อและซัพพลายเออร์จากทั่วโลก เดิมจัดที่ประเทศสิงคโปร์จะจัดในไทยวันที่ 2-5 พฤศจิกายน 2565

 

@ ผู้ชมปีละ 13 ล้านคน

 

นายศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ โฉมใหม่ มีการออกแบบพื้นที่ให้มีความยืดหยุ่นรองรับการจัดงานทุกรูปแบบได้พร้อมๆ กัน และเอื้อต่อการจัดการด้านโลจิสติกส์และขนย้ายสินค้าจัดแสดงทุกประเภท พร้อมเชื่อมตรงกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เข้าสู่พื้นที่จัดงาน และยังให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการมากกว่า 13 ล้านคนต่อปี เพิ่มจากช่วงก่อนปิดปรับปรุงที่มีผู้ใช้บริการ 6 ล้านคนต่อปี

 

ทั้งนี้ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ได้ทำการปรับปรุงสภาพพื้นที่และขยายพื้นที่รวมให้มากขึ้นถึง 5 เท่า เป็น 300,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่จัดงานอีเวนต์ 78,500 ตารางเมตร พื้นที่สำรับร้านค้าปลีก 11,000 ตารางเมตร สามารถรอง

 

รับการจัดงานได้ทุกรูปแบบอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยจำนวนฮอล์จัดนิทรรศการ 8ห้อง ห้องเพลนารี 4 ห้อง ห้องบอลรูม 4ห้อง และห้องย่อย 50 ห้อง รองรับผู้เข้ามาใช้บริการได้มากถึง 100,000 คนต่อวัน พร้อมลานจอดรถใต้ดินที่สามารถจอดรถยนต์ได้มากถึง 3,000 คัน โดยใช้งบในการปรับปรุงกว่า 15,000 ล้านบาท

 

@ BEM รับอานิสงส์

 

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดว่าบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จะได้รับผลบวก จากการที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เตรียมที่จะกลับมาให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน

 

2565 นี้ หลังจากที่ปิดปรับปรุงตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2562 เพื่อขยายกำลังการให้บริการรองรับการจัดงานอีเวนต์มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงินมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปริมาณผู้โดยสารต่อวันจะฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 0.35 ล้านเที่ยวคนต่อวัน เพิ่มจาก 0.23ล้านเที่ยวคนต่อวันในไตรมาส 2/2565

 

ส่วนในปี 2566 คาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 0.42 ล้านเที่ยวคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2562 ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 0.34 ล้านเที่ยวคนต่อวัน การที่ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เป็นผลของการเปิดส่วนต่อขยายเพิ่มอีก 19 สถานี

 

กลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะนำซื้อหุ้น BEM ให้ราคาเป้าหมายของปี 2566 อยู่ที่ 9.70 บาทต่อหุ้น ซึ่งมองว่าผลประกอบการของ BEM มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ในเบื้องต้นคาดกำไรจาก Core Operation ในงวดไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2565จะฟื้นตัวเป็น 600-700 ล้านบาทต่อไตรมาส เทียบกับไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2565 จะอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี Upside Risk จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มอีก ซึ่งจะมีผลต่อราคาเป้าหมายมี Upside อีก 1.35 บาทต่อหุ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง