แม่ลูกสองไม่รู้หนังสือ ถูกสามีทิ้ง ถูกเถ้าแก่ไล่ เดินไสรถสองล้อเข็นข้าวของ กลางแดดเปรี้ยง
เมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีผู้พบหญิงวัยกลางคนกำลังเดินไสรถไสสองล้อเข็นข้าวของ มีเด็กหญิงนั่งในรถและเด็กชายเดินตามมาบนถนนสาย304 (กบินทร์บุรี –ศรีมหาโพธิ) ขาล่องฉะเชิงเทรา บริเวณบ้านหนองคล้า ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ท่ามกลางแสงแดนร้อนจ้าหน้าร้อน ของวันนี้
ขณะเดียวกันมีนักศึกษาชายของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ขับรถจยย.ตามมาห่างๆเพื่อดูหญิงสาวและเด็กที่มาด้วยคาดว่าน่าจะเป็นแม่ลูกกันจะไปไหน? และยังมีใจเมตตาจอดรถให้ขนมเด็กที่เดินตามหลังแม่มา สภาพหญิงสาวกับเด็กชายและหญิงใส่เสื้อผ้ามอมแมมเหงื่อไหลอาบท่วมตัวท่ามกลางแสงแดด
จากการสอบถามนักศึกษาวิทยาลัยอาชีพกบินทร์บุรี กล่าวว่า เห็นสาววัยกลางไสรถไสมาตามถนนได้ขับรถตามดูห่างๆ จึงแน่ใจว่าผู้หญิงคนดังกล่าวจะต้องพาลูกไปยังที่ใดที่หนึ่งในปราจีนบุรีแน่นอน เพราะมีสัมภาระเต็มรถไสคันนั้นเดินมาไกลกว่า 3 กิโลเมตรแล้ว จึงตัดสินใจเอาขนมที่อยู่ในกระเป๋ามาแบ่งปันให้น้องกิน เพื่อประทังความหิว!! เห็นแล้วสงสารรู้ว่าตกระกำลำบากจึงหยิบยื่นสิ่งของให้เล็กๆน้อยๆเพื่อประทังความหิวเท่าที่พอจะช่วยเหลือได้
ขณะที่นายนราวิช สุขเหมา พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวพ่วงข้าง ขับผ่านมา จึงหาที่จอดรถขายก๋วยเตี๋ยวเร่ เพื่อจะให้น้องสาวกับลูก ได้กินข้าวเที่ยง โดย น้องนักศึกษาคนดังกล่าว ได้เรียกสามแม่ลูกแวะพักร่ม และจะซื้อก๋วยเตี๋ยวจากพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวเร่ให้กินแต่พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวบอกว่าไม่ต้องซื้อ จะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวสามคนนี้เองไม่ต้องจ่ายตังค์ เพราะตั้งใจที่จะให้ทานกับคนที่ตกทุกข์ได้ยากในครั้งนี้กิน เพื่อประทังความหิวอยู่เช่นกัน
จากการสอบถามทราบชื่อนางทองพูล เลื่อนลอย นางทองพูน กล่าวว่า ชื่อทองพูล เลื่อนลอย อายุ 38 ปี ต.ขุขันธ์อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ก่อนหน้านี้ ออกจากบ้านมากับพ่อหารับจ้างทั่วไปอยู่ในป่ายางพารา หรือ สวนยูคาลิปตัสของเถ้าแก่กับพ่อ ตั้งแต่เด็กไม่ได้เรียนหนังสือ กระทั่งโตเป็นสาวก็ไม่เคยหวนกลับไปบ้านเกิด หรือได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใด และได้สามี มีลูกด้วยกัน 4 คน ได้ยึดอาชีพรับจ้างทั่วไป จำพวกรับจ้างเป็นคนงานเฝ้าสวนหรือรับจ้างตัดไม้ยูคาลิปตัสตลอดมา
จนสามีทิ้งไปจึงเลี้ยงลูกมาคนเดียว และอาศัยรับจ้างตัดยูคาฯ เพื่อพอได้เงินเลี้ยงลูกสาวและลูกชาย ยอมรับว่ามีสามี 2 คน มีลูก 4 คน ลูกชายคนโตทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ลูกที่มาด้วยเป็นลูกคนที่ 2 ดช.พิพัฒน์ ไสยู และคนที่ 4 ดญ.นิษารัตน์ อายุ6ขวบ ส่วนลูกคนที่ 3 อยู่กับสามีซึ่งแยกทางกันอยู่
ก่อนจะพาลูกออกจากป่ายูคาลิปตัสของเถ้าแก่ชื่อมวย เป็นคนกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แต่ไม่รู้ชื่อจริง เถ้าแก่บอกว่าลูกดื้อไม่ทำงานช่วยแม่ จึงไล่หนีออกจากป่ายูคาคลิปตัส ตนรู้สึกเจ็บปวดที่เถ้าแก่ไล่หนีไม่จ้างให้ทำงาน ทั้งที่ลูกชายของตนเพียง11ปี จะให้ทำงานหนักเหมือนคนโตได้ยังไง?
เมื่อถูกไล่หนีจึงเก็บสมบัติที่มีเพียงไม่กี่ชิ้น เสื้อผ้า มุ้ง เตาหุงข้าว และข้าวสารที่เหลืออยู่ ออกจากสวนเถ้าแก่เพื่อไปหางานทำที่อื่น พอได้เงินซื้อข้าวให้ลูกกินไปวันๆ ลูกก็ไม่ได้เรียนหนังสือสองคน จากนี้ไปค่ำไหนนอนนั่น ตรงไหนมีแหล่งน้ำ ก็จะแวะพักค้างคืนหาดักปลาในธรรมชาติ มาเลี้ยงปากท้อง ทำกับข้าวให้ลูกกิน และ จะหาถามคนทั่วไปว่าพอจะมีงานให้ทำหรือไม่? งานอะไรก็ได้ขอให้มีงานทำแลกกับเงินรายวัน”
และกล่าวต่อไปว่า ตั้งใจจะพาลูกไปที่บ้านเกาะโพธิ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ที่นั่นมีคนรู้จักสนิทกัน น่าจะพองานให้ทำเพราะเคยรับจ้างจัดไม้ยูคาลิปตัส ด้วยกันมา และไม่อยากให้คนอื่นมาคอยช่วยเหลือ เมื่อคืนที่ผ่านมา(14มี.ค) นอนข้างป้อมตำรวจ ตำรวจถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหนหรือไม่? ได้บอกขอบคุณตำรวจไป จะพาลูกๆไปเอง วันนี้(15มี.ค.) จะหาที่พักก่อน พรุ่งนี้(16มี.ค.) ค่อยว่ากันกับชีวิตจริงที่เศร้ายิ่งกว่าละครของตนเองกับลูก