ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ก: ทองร่วงลงขณะดอลลาร์แข็งค่า

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 3.20 ดอลลาร์ สู่ 1,939.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 1,910.99 ดอลลาร์ในระหว่างวัน โดยราคาทองร่วงลงมาแล้ว 0.3% จากช่วงต้นสัปดาห์นี้ และส่งผลให้ราคาทองปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยราคาทองได้รับแรงกดดันในวันศุกร์จากการที่ดอลลาร์ดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และจากกิจกรรมทางธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้นในสหรัฐ

* ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดขยับขึ้น 0.50 ดอลลาร์ สู่ 1,947 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดดิ่งลง 0.531 ดอลลาร์ หรือ 1.95% สู่ 26.689 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดขยับขึ้น 0.73 ดอลลาร์ สู่ 918.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดขยับขึ้น 1.61 ดอลลาร์ สู่ 2,183.00 ดอลลาร์/ออนซ์

* ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นราว 0.6% ในวันศุกร์ และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อราคาทอง ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นในวันศุกร์ หลังจากบริษัทไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า กิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐในเดือนส.ค.พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2019 โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) แบบรวมของสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 50.3 ในเดือนก.ค. สู่ 54.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2019

* นางซูกิ คูเพอร์ นักวิเคราะห์ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดกล่าวว่า “ราคาทองแกว่งตัวผันผวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากสถานะการลงทุนที่อ่อนแอ, จากการที่สหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, จากการดีดขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ และจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง” ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูความคืบหน้าในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เธอคัดค้านการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดเล็ก

* นางคูเพอร์กล่าวว่า “ถ้าหากไม่มีแรงเทขายทำกำไรทองออกมาอีก เราก็คาดว่าราคาทองยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นในระยะยาว โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ดอลลาร์สหรัฐอาจจะอ่อนค่าลงต่อไป และจากขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเราก็คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ หรืออยู่ในระดับติดลบ”