รีเซต

“บิ๊กตู่” ยอมรับเงินเยียวยา 5,000 มีพอจ่ายแค่เดือนเดียว ต้องรอพรก.เงินกู้ ยันทุกคนได้ครบ

“บิ๊กตู่” ยอมรับเงินเยียวยา 5,000 มีพอจ่ายแค่เดือนเดียว ต้องรอพรก.เงินกู้ ยันทุกคนได้ครบ
มติชน
15 เมษายน 2563 ( 16:07 )
991
9
“บิ๊กตู่” ยอมรับเงินเยียวยา 5,000 มีพอจ่ายแค่เดือนเดียว ต้องรอพรก.เงินกู้ ยันทุกคนได้ครบ

“บิ๊กตู่” ยอมรับเงินเยียวยา 5,000 บาท พอจ่ายเพียงแค่เดือนเดียว รอคลอด พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท “ยัน” ทุกคนได้รับส่วนที่เหลือแน่

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า   การช่วยเหลือเยียวยาตามมาตรการของรัฐบาลทั้งหมดเราต้องคำนึงถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกกลุ่มซึ่งช่วงแรกได้ดำเนินการช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆในเบื้องต้นทั้งระยะที่ 1-2 เช่นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนค่าน้ำ ค่าไฟ คืนเงินประกันไฟฟ้าการเพิ่มจำนวนหน่วยการใช้ไฟฟ้าฟรี

 

การกำหนดให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้ารับการรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยซึ่งอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเข้าสู่ขั้นตอนการแก้ไขปัญหา การขยายเวลาการชำระหนี้หรือลูกหนี้จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจโดยใช้กลไกงบประมาณทั้งงบปกติ มาตรการทางภาษี มาตรการทางการเงิน ภาคธนาคารรัฐและระบบประกันสังคม ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์ ต้องหาวิธีการเพื่อให้การช่วยเหลือเพราะทั้งหมดเป็นระบบการเงินการคลังของประเทศทั้งหมดถือเป็นห่วงโซ่เดียวกันหากมีปัญหาก็จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งหมดได้

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการขายทองคำเนื่องจากมีปัญหาเรื่องขวัญ และสภาพคล่อง ของบรรดาร้านทองต่างๆด้วยทั้งนี้ถ้าหากไม่จำเป็นก็ขอให้ทยอยนำออกมาขาย อย่าขายพร้อมกันทีเดียวทั้งหมด เพราะถ้าสถานประกอบการไม่มีเงินจ่ายก็จะเกิดปัญหา เงินที่จะเยียวยาประชาชนอาจจะต้องลดลงไปเพื่อนำไปใช้อย่างอื่นอีก ก็ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรการต่างๆของรัฐบาลเราใช้ทั้งเงินในระบบประกันสังคมและงบประมาณปกติ สำหรับมาตรการที่จะชดเชยรายได้จำนวน 5,000 บาทต่อเดือนนั้น ทราบดีว่ามีความสับสนอลหม่านอยู่บ้างพอสมควร เห็นภาพจากที่มาร้องเรียนที่กระทรวงการคลังวานนี้ (14 เม.ย.) จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจกันใหม่เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกกลุ่มให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เราได้พิจารณาจากฐานข้อมูลกำลังแรงงานที่มีอยู่ทั้งหมด 37 ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีอาชีพอิสระ แรงงานนอกระบบ จำนวน 9,000,000 คน แรงงานในระบบจำนวน 11,000,000 คนและเกษตรกรอีก 17,000,000 คน

 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับนักศึกษาทั้งที่ทำงานและยังไม่ได้ทำงาน อย่าลืมว่ากฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย จะใช้เงินอย่างไรจะต้องมีการตรวจสอบตนจึงไม่อยากให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเกิดข้อผิดพลาดในตรงนี้ อย่างไรก็ตามตนติดตามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆทุกวัน “ก็เห็นใจและสงสารและถือเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำให้กับทุกคน ผมร้อนใจมากกว่าท่าน”

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด 19 เพื่อติดตามรวบรวมข้อมูลและบูรณะการข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผู้ที่ได้รับกระทบ การรับฟังความคิดเห็น ตรวจสอบการช่วยเหลือและเยียวยาให้ครอบคลุมและทั่วถึง จัดทำข้อเสนอแนะกลไกและขั้นตอนการดำเนินการให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงการช่วยเหลือเยียวยาอย่างแท้จริงปัจจุบันก็มีผู้ลงทะเบียนและได้รับการช่วยเหลือไปแล้วจำนวนหนึ่ง

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราจำเป็นต้องใช้เงินจากหลายส่วน ส่วนแรกคือเงินที่เราจะต้องเสนอเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การปรับโอนงบประมาณ ร้อยละ 10 ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลามากพอสมควรเพราะต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรผ่านความคิดเห็นของ ส.ส.และ ส.ว.ซึ่งคงต้องใช้เวลาประมาณเดือนมิถุนายนถึงจะได้เงินก้อนนี้ออกมาใช้ ประมาณวงเงินไม่เกินแสนล้านบาท ที่จะได้คืนมาจากทุกหน่วยงานซึ่งได้ขอความร่วมมือจากทุกกระทรวงไปแล้ว

 

ในส่วนที่สองคือเงินที่จะได้จากการกู้เงิน เป็น พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการการกู้เงินออกมาให้เป็นเม็ดเงินเพื่อที่จะได้นำมาเยียวยาได้ จึงต้องขอชี้แจงว่าถึงวันนี้ยังไม่มีเงินเลยมีเพียงตัวเลขเท่านั้น ซึ่งหลายคนก็นำตัวเลขนี้มาหารแบ่งกันไปเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลเพียงแต่ได้ตั้งไว้ว่าจะนำเงินจำนวนนี้มาทำอะไรบ้างอีกส่วนหนึ่งคือ ส่วนของ พ.ร.ก.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ซึ่งเป็นการบริหารในส่วนของระบบการบริหารทางด้านการเงินการคลังฟังเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย สับสน และไม่น่าเชื่อถือซึ่งจะส่งผลต่อเรื่องของตลาดหุ้น รวมทั้งระบบธนาคาร

 

พล.อ.ประยุทธ์ ในส่วนของ พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 1 ล้านล้านบาท จะมีขั้นตอนและรอการประกาศใช้ก็จะอยู่ในช่วงปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมซึ่งในการเดินหน้าเพื่อใช้เงินตรงนี้จะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ตามขั้นตอนของร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน เพราะฉะนั้นน่าจะเงินส่วนรี้ได้ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน นี้ วันนี้เราใช้เงินรายจ่ายจากงบกลางปี 2563 และบางโครงการก็เอาคืนมาเพราะยังไม่ได้ดำเนินการก็นำมาช่วยในช่วงนี้ก่อนมีวงเงินอยู่ประมาณ 50,000 กว่าล้านบาทซึ่งจะครอบคลุมไปถึงการใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยา 5,000 บาท แค่เดือนเดียว เพราะฉะนั้นในเดือนที่2 และ 3 ก็ต้องรอเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ ถือเป็นความยากง่ายของรัฐบาล เพราะเงินเหล่านี้ถือเป็นภาระผูกพันของรัฐบาลเพราะเราต้องหาเม็ดเงินมาชำระหนี้

 

ดังนั้นการกู้เงินจะทยอยกูเป็นก้อน ๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีเงิน 1 ล้านล้านบาท อยู่ในมือทั้งหมดครั้งเดียว หลายคนอาจจะไม่เข้าใจเอาตัวเลขมาคูณและหาร อย่าลืมว่าอย่างไรก็ไม่ทันในเดือนเมษายนนี้อยู่แล้ว

 

“ย้ำอีกครั้งว่าวันนี้เราจ่ายได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องรอ พ.ร.ก.เงินกู้ และ พ.ร.บ.ที่จะออกมา ในส่วนที่ยังขาดเหลือก็กำลังพิจารณาตรวจสอบคัดกรองอยู่ว่าขาดเหลือตรงไหนและควรจะให้ตรงไหนเพิ่ม หรือมีปัญหาที่ระบบตรวจสอบและคัดกรอง ก็ต้องมาดูให้รอบคอบเพราะวันนี้สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นสถานการณ์สำคัญ ผมยืนยันว่าผมจะพยายามดูแลทุกท่านอย่างเต็มที่ตามขีดความสามารถที่รัฐมีอยู่ ขอให้ทุกคนเข้าใจ การสร้างความเข้าใจและการสร้างความบิดเบือนในทางที่ผิดยิ่งจะทำให้การทำงานยากยิ่งขึ้น “นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่เม็ดเงินยังไม่ออกมานั้นในการรองรับช่วยเหลือกลุ่มต่างๆก่อนที่ พ.ร.ก.เงินกู้จะมีผลบังคับใช้ทั้งอาชีพอิสระ รับจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว กิจการส่วนตัว ค้าขาย รวมทั้งอาชีพอิสระประกันสังคมตามมาตรา 39 และ 40 ประมาณ 9,000,000 คน ซึ่งตอนแรกเรามีเม็ดเงินในการช่วยเหลือคนเพียง 3,000,000 คนซึ่งไม่ได้เป็นโคต้าเพียงแต่นำเม็ดเงินที่มีอยู่มาพิจารณาว่าจะจ่ายได้เท่าไหร่เฉลี่ยแล้วได้ 5,000 บาทต่อเดือน จากจำนวน 3,000,000 คน แต่เมื่อจำเป็นต้องขยายความช่วยเหลือไปเป็น 9,000,000 คนก็ต้องดูว่าจะหาเงินมาจากตรงไหน ซึ่งหลายคนก็เกรงว่าจะไม่ได้รับ แต่ช่วงนี้ก็ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ก็มีปัญหาไม่รู้จะเอาเงินจากส่วนไหนไปโอนให้ ซึ่งก็คงต้องรอสักระยะหนึ่ง แต่ก็เข้าใจความเดือดร้อนของทุกคน

 

“วันนี้ก็เป็นห่วงคนที่ไปหาผลประโยชน์ซึ่งบางคนมีความลำบากและยากจนอยู่แล้วยังเอาเงินไปจ้างให้คนส่งข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบการคัดกรองของกระทรวงการคลังเพราะทำไม่เป็น ทราบว่าเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,000 บาท โดยไปกู้เงินนอกระบบมาแต่ผลสุดท้ายระบบคัดกรองไม่ผ่านก็เท่ากับเสียเงินไป 1,000 บาท เงิน 5,000 ก็ไม่ได้ ผมถือว่าคนที่แสวงหาผลประโยชน์เหล่านี้เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ บางคนก็มีการปลอมเอกสารเพื่อไปรับประโยชน์ต่างๆคนเรานี้ไม่คิดว่ายังมีอยู่ในประเทศไทยแต่เชื่อว่ายังมีอีกเยอะ รวมทั้งนายทุนเงินกู้ต่างๆ เมื่อรัฐบาลมีมาตรการต่างๆออกมาก็ควรจะช่วยเหลือรัฐบาลบ้างหากเป็นเช่นนี้ก็ต้องใช้มาตรการทางกฏหมายอย่างเต็มที่ อย่ามัวแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ทรมาณแสนสาหัสของประชาชน แล้วจะมีความสุขหรือ”นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนที่ยังขาดอยู่ก็คงจะต้องหาเงินเพิ่มมาอีกทั้งจากงบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน 45,000 ล้านบาท แต่หลังจากเดือนเมษายนไปแล้วเราก็ต้องรอเงินจะจาก พ.ร.ก.เงินกู้ ถึงจะมีเงินก้อนไหนออกมา ก็ต้องมาดูว่าในเดือนที่ 2-3-4 เพียงพอหรือไม่แล้วจะให้กันอย่างไร  “ แต่ทุกคนผมรับรองว่าจะดูแลให้ครบทุกคน”

 

ในส่วนของแรงงานในระบบประกันสังคม ที่มีรายได้ประจำ ประกันสังคมมาตรา 33 มีอยู่จำนวน 11 ล้านคน วันนี้ได้ใช้เงินจากกองทุนประกันสังคมประมาณ 2 แสน 3 หมื่นล้านบาท ก็ได้มีการปลดล็อคต่างๆผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการรัฐบาลต้องหามาตรการในการช่วยเหลือวันนี้กระทรวงแรงงานก็จำเป็นต้องไปหาเม็ดเงินเพิ่มถือเป็นการบริหารของกองทุนประกันสังคม ขอร้องว่าอย่าว่ากันไปมาเลย เพราะเงินจำนวนนี้ก็เป็นเงินที่ทำให้แรงงานสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง