KSLชูราคาน้ำตาลขาขึ้น ค่าบาทอ่อน-บริโภคเพิ่ม
#KSL #ทันหุ้น - KSL ชี้ธุรกิจน้ำตาลขาขึ้น ปีนี้ราคาไม่ต่ำกว่า 19-20 เซ็นต์ต่อปอนด์ การบริโภคน้ำตาลสู่ระดับปกติ 2 แสนตันต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นอีกหลังเปิดประเทศ บาทอ่อนดันผลงาน มั่นใจปีนี้รายได้โตกว่า 30-40% ปริมาณอ้อยเข้าหีบสูงแตะ 6.56 ล้านตัน เพิ่มจากปีก่อนอื้อ ร่วมยื่นขายไฟฟ้าฉุกเฉินให้รัฐ โบรกชี้เอทานอลดึงสต๊อกต่ำน้ำตาลขาดแคลน เป้า 4.75 บาท
นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตกว่า 30-40% โดยปีนี้ปริมาณอ้อยเข้าหีบสิ้นสุดปลายเดือนมีนาคม ทำได้ราว 6.56 ล้านตันอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ 4.7 ล้านตันอ้อย รวมไปถึงปีนี้ตลาดส่งออกปีนี้เติบโตได้ดี
ส่วนราคาน้ำตาลปีนี้น่าจะมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงราว 19-20 เซ็นต์ต่อปอนด์ ทั้งปีจะไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว และยังได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าด้วย
@บริโภคน้ำตาลฟื้นตัวแรง
นายชลัช กล่าวว่า การบริโภคน้ำตาลมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2 แสนตันต่อเดือน ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงก่อนการเกิดสถานการณ์โควิด และหากหลังพฤษภาคมมีการเปิดประเทศมากขึ้น ก็เชื่อว่าการบริโภคน้ำตาลจะสูงขึ้น ทั้งจากร้านค้า ร้านอาหารเป็นต้น
รวมไปถึงยังมีการพัฒนาน้ำตาลที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้น เช่นน้ำตาลพลังงานต่ำ หรือ Low Calories Sugar เป็นต้น ตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งนี้ปีสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากน้ำตาล
“การบริโภคน้ำตาลขณะนี้สูงขึ้นเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด เริ่มเห็นสัญญาตั้งแต่เดือนตุลาคม และคาดว่าจะหากเปิดประเทศจะดีขึ้นต่อเนื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารก็จะมีการใช้น้ำตาลกันมากขึ้น และปีนี้การส่งออกก็อยู่ในระดับที่ดี มีปริมาณอ้อยเข้าหีบในประเทศมากขึ้น
ส่วนปีหน้ามีโอกาสที่จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบกว่า 110 ล้านตัน แต่ทั้งนี้เกษตรกรอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น ก็ต้องมาดูว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลืออย่างไรต่อไป แต่โดยรวมแล้วอุตสาหกรรมน้ำตาลได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น” นายชลัช กล่าว
@ ยื่นขายไฟฟ้าให้รัฐ
ส่วนกรณีที่ภาครัฐได้ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าระยะสั้นจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เฉพาะรายที่ไม่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เพื่อร่วมกันแก้ไขวิกฤติพลังงานของประเทศ โดยอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ขยะ ราคา 2.20 บาทต่อหน่วยเป็นสัญญาแบบปีต่อปี ไม่เกิน 2 ปี ในรูปแบบสัญญา Non-Firm ซึ่งบริษัทก็มีการยื่นเรื่องไปแต่กำลังการผลิตอาจจะไม่สูงมากนักราว 5 เมกะวัตต์ เพราะต้องมาพิจารณาเรื่องต้นทุนและอัตราค่าไฟฟ้าที่ได้รับว่าจะมีความคุ้มค่าหรือไม่
@BBGI หนุนเติบโตระยะยาว
นายชลัช กล่าวด้วยว่า บริษัทยังมีสัดส่วนการถือหุ้น บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI สัดส่วน 26.82% ซึ่งมองว่า BBGI มีโอกาสเติบโตอย่างมากในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพ โดยใช้เทคโนโลยี Synbio หรือ ชีววิทยาสังเคราะห์ ที่จัดเป็นเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง รวมไปถึงการเข้าไปดำเนินการเรื่องของวิตามินด้วย ซึ่งมองว่าจะมีการเติบโตอย่างมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
@ น้ำตาลขาดแคลน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง KSL ว่าเชื่อว่า KSL จะได้รับผลบวกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ผู้ผลิตหันมาใช้เอทานอลมากขึ้น และลดการผลิตน้ำตาล รวมถึงสต๊อกน้้ำตาลโลกปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำท่ามกลางภาวะการขาดแคลนน้ำตาลในฝั่งยุโรป
ทั้งนี้ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลของประเทศไทยเพิ่มขึ้นบวกกับราคาน้ำตาลโลกที่ทรงตัวในระดับ 18-20 เซ็นต์ต่อปอนด์ จะเป็นปัจจัยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรของ KSL ในปี 2565 ยังคงคำแนะนำซื้อกำไรปี 2565 กลับมาฟื้นตัวแรง ราคาเป้าหมาย 4.75 บาท