รีเซต

ปีนี้ยังมีโอกาส “Santa Rally” แม้จะยุบสภา หุ้นไทยยังถูก ลุ้นแรงซื้อ TESG ปลายปีหนุน

ปีนี้ยังมีโอกาส “Santa Rally” แม้จะยุบสภา หุ้นไทยยังถูก ลุ้นแรงซื้อ TESG ปลายปีหนุน
TNN ช่อง16
17 ธันวาคม 2568 ( 11:35 )
4

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า Santa Rally ยังมีโอกาสเกิดขึ้น แม้รัฐบาลจะประกาศยุบสภาฯเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ยังเห็นโอกาสเกิด Santa Rally หรือ Window Dressing ช่วงปลายปี โดยถ้าอิงสถิติตลาดหุ้นไทย 10 ปีย้อนหลัง พบว่ามีโอกาสสูงถึง 90% ที่ SET จะปรับขึ้นช่วง 5-7 วันสุดท้ายก่อนสิ้นปีและให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.06% และ 1.55% ตามลําดับ


ขณะเดียวกัน นอกจากสถิติในอดีตแล้ว ปีนี้ยังปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี อย่าง TESG, การส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย หลัง กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม วันที่ 17 ธ.ค.นี้ ขณะที่มูลค่าตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในโซน “ถูก” เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต มีหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวให้ปันผลสูงกว่า 4% ต่อปี ทําให้ดาวน์ไซด์ดู “จํากัด”


สำหรับการยุบสภา คาดว่าส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่กําลังรอการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น “คนละครึ่งพลัส เฟส 2”, “โครงการ TISA” รวมถึงมาตรการต่างๆต้องสะดุดลงระยะสั้น อย่างไรด็ดีคาดว่าการยุบสภาฯ มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือกําไรบริษัทจดทะเบียน “จํากัด” เนื่องจาก SET มี Valuation ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมากอยู่แล้วและการยุบสภาเกิดขึ้นเร็วกว่ากําหนดไม่มาก


ในทางกลับกันการลงพื้นที่หาเสียงของนักการเมืองจะช่วยหนุนสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดกกต. ได้ประกาศ timeline และกําหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 26 ความชัดเจนดังกล่าวจะช่วยหนุน SET ฟื้นตัวได้ในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ปัจจุบัน SET100 ให้ผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี สะท้อนว่าหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวปรับตัวลงมามากจนให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ อีกทั้ง ผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยยังสูงกว่าหลายประเทศ เป็นรองเพียงตลาดหุ้นสิงคโปร์และมาเลเซีย

ขณะที่การลงทุนของกองทุน TESG ส่วนใหญ่มุ่งเน้นหุ้นที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป และมีผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนมี แนวโน้มไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี โดยได้ทําตารางเปรียบเทียบผลตอบแทนเงินปันผลรายตัวเทียบกับมูลค่าหุ้น พบว่ามีหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวที่มีมูลค่า “ไม่แพง” และให้ผลตอบแทนเงินปันผลระดับ “สูง” ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่ดีสําหรับนักลงทุนระยะยาว


ทั้งนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มปันผลสูงยังคงเป็นแหล่งพักเงินที่ดีในช่วงที่รอความคืบหน้าของนโยบายหาเสียงแต่ละพรรค ขณะที่มีโอกาสได้แรงหนุนจากเม็ดเงินจากกองทุน TESG ที่คาดว่าจะเข้ามามากขึ้นช่วงปลายปีนี้ แนะนํา “ซื้อ” กลุ่มหุ้นปันผลสูง อย่าง 1.กลุ่มธนาคาร (KBANK, KKP, KTB) 2.กลุ่ม defensive play (ADVANC, BDMS, CPN, DIF,EGCO GULF) 3.กลุ่ม laggard play (AMATA, COM7, SAWAD)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง