ปีนี้ยังมีโอกาส “Santa Rally” แม้จะยุบสภา หุ้นไทยยังถูก ลุ้นแรงซื้อ TESG ปลายปีหนุน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า Santa Rally ยังมีโอกาสเกิดขึ้น แม้รัฐบาลจะประกาศยุบสภาฯเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ยังเห็นโอกาสเกิด Santa Rally หรือ Window Dressing ช่วงปลายปี โดยถ้าอิงสถิติตลาดหุ้นไทย 10 ปีย้อนหลัง พบว่ามีโอกาสสูงถึง 90% ที่ SET จะปรับขึ้นช่วง 5-7 วันสุดท้ายก่อนสิ้นปีและให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.06% และ 1.55% ตามลําดับ
ขณะเดียวกัน นอกจากสถิติในอดีตแล้ว ปีนี้ยังปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี อย่าง TESG, การส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย หลัง กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม วันที่ 17 ธ.ค.นี้ ขณะที่มูลค่าตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในโซน “ถูก” เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต มีหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวให้ปันผลสูงกว่า 4% ต่อปี ทําให้ดาวน์ไซด์ดู “จํากัด”
สำหรับการยุบสภา คาดว่าส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่กําลังรอการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น “คนละครึ่งพลัส เฟส 2”, “โครงการ TISA” รวมถึงมาตรการต่างๆต้องสะดุดลงระยะสั้น อย่างไรด็ดีคาดว่าการยุบสภาฯ มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือกําไรบริษัทจดทะเบียน “จํากัด” เนื่องจาก SET มี Valuation ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมากอยู่แล้วและการยุบสภาเกิดขึ้นเร็วกว่ากําหนดไม่มาก
ในทางกลับกันการลงพื้นที่หาเสียงของนักการเมืองจะช่วยหนุนสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดกกต. ได้ประกาศ timeline และกําหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 26 ความชัดเจนดังกล่าวจะช่วยหนุน SET ฟื้นตัวได้ในระยะถัดไป
ทั้งนี้ ปัจจุบัน SET100 ให้ผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี สะท้อนว่าหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวปรับตัวลงมามากจนให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ อีกทั้ง ผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยยังสูงกว่าหลายประเทศ เป็นรองเพียงตลาดหุ้นสิงคโปร์และมาเลเซีย
ขณะที่การลงทุนของกองทุน TESG ส่วนใหญ่มุ่งเน้นหุ้นที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป และมีผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนมี แนวโน้มไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี โดยได้ทําตารางเปรียบเทียบผลตอบแทนเงินปันผลรายตัวเทียบกับมูลค่าหุ้น พบว่ามีหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวที่มีมูลค่า “ไม่แพง” และให้ผลตอบแทนเงินปันผลระดับ “สูง” ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่ดีสําหรับนักลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มปันผลสูงยังคงเป็นแหล่งพักเงินที่ดีในช่วงที่รอความคืบหน้าของนโยบายหาเสียงแต่ละพรรค ขณะที่มีโอกาสได้แรงหนุนจากเม็ดเงินจากกองทุน TESG ที่คาดว่าจะเข้ามามากขึ้นช่วงปลายปีนี้ แนะนํา “ซื้อ” กลุ่มหุ้นปันผลสูง อย่าง 1.กลุ่มธนาคาร (KBANK, KKP, KTB) 2.กลุ่ม defensive play (ADVANC, BDMS, CPN, DIF,EGCO GULF) 3.กลุ่ม laggard play (AMATA, COM7, SAWAD)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
