ทำความรู้จักภูมิภาคดอนบาส ฉากโหมโรงสู่สงครามรัสเซีย?
ชื่อของภูมิภาคดอนบาสปรากฎในข่าวต่อเนื่อง ตั้งแต่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลัง สู้รบกับกองทัพรัฐบาลยูเครนในปี 2014 และสามารถยึดเมืองลูฮันสค์และเมืองโดเนตสค์ ในภูมิภาคดอนบาสได้ และปีเดียวกันนี้เอง รัสเซียได้ผนวกแคว้นไครเมียของยูเครน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ปัจจุบัน พื้นที่กลุ่มกบฏยึดครอง รู้จักกันในชื่อ สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ หรือ LPR และสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ หรือ DPR มีพื้นที่รวม 6500 ตารางไมล์ แต่สองสาธารณรัฐนี้ยังไม่มีรัฐบาลใดในโลกให้การรับรอง
ก่อนที่จะเกิดสงคราม พื้นที่ดังกล่าวมีชื่อเสียงเรื่องอุตสาหกรรมหนัก และการทำเหมืองถ่านหิน โดเนตสค์ คือเมืองที่ใหญ่สุดของภูมิภาคดอนบาส เคยเจริญรุ่งเรือง มีสนามบินนานาชาติ แต่การสู้รบ ทำให้สนามบินเสียหายและทำให้พื้นที่เกือบทั้งหมดถูกตัดขาดออกจากส่วนที่เหลือของยูเครน และเศรษฐกิจย่ำแย่
ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียยังไม่ได้ให้การรับรอง LPR และ DPR ในฐานะประเทศเอกราชอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งสองสาธารณรัฐนี้ ถูกมองว่าเป็นรัฐตัวแทนของรัสเซียในยูเครน และรัสเซียควบคุมได้โดยตรง และนักวิเคราะห์มองว่า การที่รัสเซียยังไม่รับรองสองสาธารณรัฐนี้ เพราะต้องการให้เป็นส่วนหนึ่งของยูเครนต่อไป เพื่อให้มีผู้แทนของรัสเซียมีส่วนร่วมในกิจการของยูเครน โดยเฉพาะเรื่องนโยบายต่างประเทศ
---เสียชีวิตมากกว่า 14,000 คนแล้ว---
นับตั้งแต่เกิดการสู้รบในปี 2014 มีผู้เสียชีวิตในภูมิภาคดอนบาสแล้วมากกว่า 14,000 คน ขณะที่รัฐบาลยูเครนอ้างว่า มีประชาชนราว 1.5 ล้านคนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง โดยส่วนใหญ่หนีเข้ามาอยู่ในพื้นที่การดูแลของรัฐบาลยูเครนในดอนบาส และราวสองแสนคนย้ายเข้าไปอยู่ในภูมิภาคเคียฟ
สำนักข่าว The Guardian ระบุว่า ขณะนี้ ภูมิภาคดอนบาสมีประชากรเหลือน้อยกว่าสามล้านคน ในจำนวนนี้ราว 38% ล้วนเป็นคนที่เกษียณแล้ว และประชานจำนวนที่อยู่ในพื้นที่ ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติในปี 2014 เพื่อโค่นอดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากยังยากจนอีกด้วย
ทั้งนี้ ยูเครนและชาติตะวันตก กล่าวหารัสเซียว่าให้การหนุนหลังกลุ่มกบฏในหลายรูปแบบ รวมถึงยังได้แจก หนังสือเดินทางรัสเซียให้ประชาชนในดอนบาสไปหลายแสนเล่มในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับเป็นการพยายามทำให้พลเมืองยูเครนกลายเป็นพลเมืองรัสเซียไปโดยปริยาย และอาจเป็นข้ออ้างให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงยูเครนได้
---รัสเซียมองกบฏเป็นเหยื่อ---
ในมุมมองของรัฐบาลยูเครน กลุ่มกบฏคือผู้รุกราน แต่ในมุมของรัสเซีย พวกเขาคือกองกำลังอาสาชาวท้องถิ่นที่กำลังป้องกันตนเองจากรัฐบาลยูเครน
ขณะที่ ข้อตกลงมินสค์ในปี 2015 ได้นำไปสู่การจัดให้มีเส้นแบ่งเขตควบคุม ระหว่างรัฐบาลยูเครนกับพื้นที่กลุ่มกบฏดูแล และข้อตกลงนี้ยังแบนการใช้อาวุธหนักใกล้บริเวณเส้นแบ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการติดตามพิเศษขององค์กรเพื่อความร่วมมือและความมั่นคงยุโรป รายงานว่า ตั้งแต่เริ่มปี 2022 มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในทางตะวันออกของยูเครนไปแล้วเกือบหนึ่งหมื่นครั้ง และมีโจมตีด้วยอาวุธหลากหลายชนิดการระดมยิงพุ่งเป้าไปที่เมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคดอนบาส และพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น
---ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ดอนบาส?---
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดมิทโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ยูเครนจะไม่หยุด จนกว่าจะได้ปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาสและไครเมีย และจนกว่ารัสเซียจะชดใช้ความเสียหายทั้งหมดที่ทำไว้ต่อยูเครน
ขณะที่ในฝั่งของรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวมานานแล้วว่า ยูเครนละเมิดสิทธิของชนกลุ่มชาติพันธุ์รัสเซียและคนที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน และเป็นสิทธิของรัสเซียที่จะแทรกแซงทางการทหารเพื่อปกป้องคนเหล่านี้ นอกจากนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปูตินยังกล่าวหาด้วยว่า มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดอนบาส
เมื่อวันเสาร์ (19 กุมภาพันธ์) ผู้คนในพื้นที่การดูแลของกลุ่มกบฏพากันอพยพข้ามไปยังพรมแดนรัสเซีย โดยทางการรัสเซียให้คำมั่นว่าจะดูแลคนเหล่านี้ และสื่อรัสเซียรายงานว่า ผู้คนพากันหนีตายเพราะกังวลว่ากองทัพยูเครนจะรุกราน
สื่อทางการรัสเซียยังรายงานด้วยว่า มีคนข้ามแดนเข้ามารัสเซียแล้วนับหมื่นคน และรัสเซียเตรียมพร้อมที่จะรับผู้อพยพอีกกว่าเก้าแสนคน แม้กลุ่มกบฎได้สั่งให้ผู้ชายอยู่จับอาวุธเพื่อพร้อมรบก็ตาม
ในปี 2022 นี้ ภูมิภาคดอนบาส จึงกลับมาเป็นพื้นที่ขัดแย้งสำคัญเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2014 และเป็นใจกลางสมรภูมิระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอีกครั้ง
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Getty Images