ส่อง 9 หุ้นหลบภัย “รับมือความผันผวน” มีตัวไหนบ้างเช็กที่นี่!

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดทำการ 3 วัน (4-6 มิ.ย.) ปรับลง 1.1% ไปแตะที่ระดับ 1,132 จุดระหว่างสัปดาห์ แรงกดดันหลักมาจากแรงขายหุ้น DELTA เป็นหลัก ลงแรง 9% จากความ กังวลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมใช้เกณฑ์ CAPPED WEIGHT ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนก.ค. 2568 เป็นต้นไป ด้วยการจำกัดน้ำหนักหุ้นไม่เกิน 10% ของดัชนีหลักๆ SET50 SET100 ทำให้เกิดการปรับสถานะ ของนักลงทุน นอกจากนี้แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานก็มีส่วนกดดันดัชนีหุ้นไทย
รวมถึงควันหลง MSCI กดดันกองทุนต่างประเทศขายสุทธิหุ้นไทยหนัก 1.1 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่าความผันผวนมีโอกาสค่อยๆ ลดลง โดย เริ่มเห็นต่างชาติบางส่วนมีการเข้ามาซื้อผ่าน NVDR ต่อเนื่องประมาณ 6.9 พันล้านบาท โดยปกติหุ้นที่ออกจาก MSCI มีโอกาสปรับตัวขึ้น ได้ดี หลังมีผลบังคับใช้ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน ขึ้นเฉลี่ยประมาณ 7-8%
สำหรับหุ้นไทยตั้งแต่ม.ค.-6 มิ.ย.ต่างชาติเทขายไปแล้ว 73,116 ล้านบาท โดยทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไร มีปัจจัยบวก-ลบอะไรที่ต้องติดตาม หุ้นตัวไหนที่ยังน่าลงทุน TNN Online พาไปไขคำตอบจากกูรูตลาดทุน
เริ่มจาก “ภราดร เตียรณปราโมทย์" ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส มองว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ายังไร้ทิศทาง จากปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมืองทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน ทั้งในเรื่องการปรับครม. เรื่องศาลฎีกาไต่สวนคดี “ทักษิณ” ส่วนนอกประเทศเป็นเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชา โดยปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยช่วงนี้เบาบางไม่ถึง 40,000 ล้านบาท
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตแล้วให้รอดูสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักการลงทุน และหากสถานการณ์คลี่คลายมีโอกาสที่หุ้นไทยรีบาวด์ แต่ในทางกลับกันถ้าสถานการณ์ต่างๆ ไม่แน่นอนจะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน ซึ่งการเทรดดิ้งต้องเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ เน้น 2 ธีมหลักคือ
หุ้นกำไรไตรมาส 2/68 โดดเด่น
หุ้นที่ลงมาลึกมีแนวโน้มซื้อกลับคืน
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามต่างประเทศ คือตัวเลขส่งออกจีนเดือนพ.ค.คาดว่าจะโต 6% จากเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาโต 8.1% ขณะที่นำเข้าคาดว่าติดลบ 0.9% จากเดือนเม.ย.โต 0.2% สาเหตุที่ชะลอตัวลงจากปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ส่วนสหรัฐฯ ติดตามตัวเลข CPI คาดเพิ่มขึ้น 2.5% จากเดิม 2.3%
ด้านปัจจัยภายในประเทศ เกาะติดการประชุมแพทย์สภาเรื่องปมชั้น 14 ในวันที่ 12 มิ.ย. ส่วนวันที่ 13 มิ.ย.ศาลฏีกาไต่สวนคดี “ทักษิณ” กรณีรักษาตัวที่ชั้น 14 และวันที่ 14ประชุม JBC แก้ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,100-1,150 จุด
ฝั่ง "ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์" AISA, CFTe ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ คาด “ฟื้นตัว” สัญญาณภาคแรงงานสหรัฐฯเริ่มอ่อนลง คาดว่าจะนำมาสู่ภาพเจรจาการค้ากับจีนที่มีโอกาสออกมาในทางบวกมากขึ้น หลังผ่านขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นระหว่างผู้นำ โดยตลาดน่าจะรอติดตามรายละเอียดค่อยๆออกมาเพิ่ม ส่วนภายในตลาดน่าจะเริ่มให้น้ำหนัก ศาลฏีกาเตรียมไต่สวน+พิจารณาคดีนายทักษิณ ชินวัตร บุคคลใกล้ชิดพรรคเพื่อไทย กรณีถูกกล่าวหาไม่ถูกจำคุกตามคำพิพากษา (คดีชั้น 14) แต่ตลาดปรับสถานะลดความเสี่ยงการเมืองล่วงหน้าตั้งแต่ ปลาย พ.ค. แล้ว ทำให้คาด SET น่าจะพอฟื้นตัวได้ หุ้นนำ คือ China Plays, กลุ่มได้ประโยชน์นโยบายการเงิน EM ยืดหยุ่นกว่าสหรัฐฯ ให้แนวต้านแรกที่ 1,147 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,156 จุด แนวรับแรกที่ 1,118 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,094 จุด
ปัจจัยบวก-ลบที่ต้องติดตาม
- 9 มิ.ย. เงินเฟ้อ CPI พ.ค. ของจีนคาด -0.2%y-y จากเดิม -0.1%y-y การค้าระหว่างประเทศ พ.ค. คาดเกินดุล 100 พันล้านหยวน จากเดิมเกินดุล 96.18 พันล้านหยวน ส่งออกโต +6.3%y-y vs จากเดิมโต +8.1%y-y
-สหรัฐ - จีน คาดมีความชัดเจนมาตรการการค้าที่จะเจรจากันเพิ่มเติมระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้น หลังการเจรจาผู้นำผ่านทางโทรศัพท์มีสัญญาณบวก
- 11 มิ.ย. เงินเฟ้อ CPI พ.ค. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไป +2.5%y-y, 0.2%m-m จากเดิม +2.3%y-y, +0.2%m-m
-13 มิ.ย. ศาลฏีกานัดไต่สวนพิจารณาคดีนายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล และถูกนำตัวมารักษาตัวที่ชั้น 14 ร.พ. ตำรวจโดยมิชอบ
หุ้นเด่นแนะนำ
• WHA ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท พัฒนาการนัดเจรจาการค้าสหรัฐฯ - ไทยที่ใกล้เกิดขึ้นเป็นแรงหนุน
• AMATA ราคาเป้าหมาย33.5 บาท พัฒนาการนัดเจรจาการค้าสหรัฐฯ - ไทยที่ใกล้เกิดขึ้นเป็นแรงหนุน
• ADVANC ราคาเป้าหมาย 340 บาท หุ้นเด่นธีมดอกเบี้ยลง+ลุ้น Upside ธุรกิจคอนเท้นท์ จากการเป็นพันธมิตรเจ้าของลิขสิทธิ์ EPL กับ TPL
ปิดท้าย "วทัญ จิตต์สมนึก" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย มองว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าอาจเห็นการฟื้นตัวได้ จากการที่มีปัจจัยหนุนเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับไทย ล่าสุดมีรายงานว่าไทยกำลังจะเตรียมเจรจากับสหรัฐฯ ช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีตัวจำกัด Downside ปัจจัยรอติดตามได้แก่เงินเฟ้อสหรัฐฯในวันพุธ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,125 -1,160 จุด
หุ้น Top Pick
- SAWAD มองว่า Valuation น่าสนใจมากขึ้น ซื้อขายที่ 0.9x PBV’25E และ 6.6x PE’25E สะท้อนความกังวลต่อผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 1Q25 ไปมากพอสมควรแล้ว ราคาหุ้นปรับลดลง 22% หลังรายงานผลการดำเนินงานใน 1Q25 และลดลง 54% YTD คาดผลตอบแทนเงินปันผลที่ 6.1% ในปี 2025 จากที่ SAWAD มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น และไม่จ่ายหุ้นปันผลในปี 2025 โดย คาดกำไรใน 2Q25 แนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ และมองว่ากำไรใน 1Q เป็นระดับต่ำสุดของปี 2025 และ การควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และแนวโน้มการขาดทุนรถยึดลดลง หลังจากการผ่านกระบวนการทำ Balance sheet cleanup อย่างต่อเนื่องหลายไตรมาส
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
