อิสราเอล-ปาเลสไตน์ : ฝันร้ายของเด็กในกาซา ที่เติบโตมากับ ความซึมเศร้า และความกังวล
"ฉันมีความสุขดี มีร่างกายที่สมบูรณ์ แต่จิตใจฉันกลับแตกสลาย" โอลา อาบู ฮาซาบัลเลาะห์ กล่าว
หญิงชาวปาเลสไตน์วัย 32 ปีผู้นี้ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อาศัยอยู่ในกาซา
เธอปรารถนาให้ ลูกชายวัย 3 ขวบของเธอได้มีชีวิตวัยเด็กที่ไม่ต้องผจญกับระเบิด และการทำลายล้าง อย่างที่เธอประสบขณะเติบโตขึ้นมา
การปะทะกันนาน 11 วัน เมื่อไม่นานนี้ระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 248 คนในกาซา และ 12 คนในอิสราเอล จนกระทั่งมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ค.
มีเด็กอย่างน้อย 65 คนในกาซา และ 2 คนในอิสราเอล อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตด้วย
ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างชัยชนะในความขัดแย้งครั้งนี้ แต่โอลาบอกว่า เธอรู้ว่า ใครเป็นฝ่ายแพ้
นอกจากเด็ก ๆ ที่เสียชีวิตเคียงข้างคนในครอบครัวแล้ว เธอบอกว่า การมีชีวิตรอดจากสงครามได้ทิ้งแผลลึกไว้ในจิตใจของเด็ก ๆ
"เด็ก ๆ หลายคนประสบกับความสูญเสียและความโศกเศร้า การทำให้พวกเขากลับมาเป็นปกติเป็นเรื่องยากมาก เด็กบางคนต้องได้รับการช่วยเหลือด้านจิตใจอย่างใกล้ชิด เช่นการปรึกษาเฉพาะตัว การดูแลและการบำบัดเป็นการเฉพาะส่วนบุคคล"
โรคเครียดหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder)
โอลาเรียนจบปริญญาโทด้านสุขภาพจิต และทำงานเป็นนักจิตวิทยาเด็กและเจ้าหน้าที่การศึกษาให้กับสภาผู้ลี้ภัยแห่งนอร์เวย์ (Norwegian Refugee Council)
เธอให้การช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในกาซามานาน 13 ปีแล้ว
เธอบอกว่า เด็ก ๆ ที่สูญเสียพ่อแม่ พี่น้อง หรือบ้านเรือน มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเครียดหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรง (post-traumatic stress disorder หรือ PTSD) มากที่สุด
"มันทำให้พวกเขานอนไม่พอ, ฝันร้าย, รู้สึกผิด, แยกตัว, ปัสสาวะรดที่นอน, รู้สึกตัวชา, รู้สึกว่าไม่มีใครช่วยอะไรได้, โกรธ, มีความคิดด้านลบเกี่ยวกับอนาคตและตัวเอง แล้วก็ซึมเศร้า"
เมื่อการทิ้งระเบิดยุติลง โอลาก็กลับมาทำงานของเธอและพบกับกลุ่มเด็กหญิง 5 คน ทั้งหมดอายุ 11 ปี ที่ต่างก็หวาดกลัว
หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเธอเสียชีวิตจากเหตุถล่มกันด้วยระเบิด
โอลากล่าวว่า "เด็กหญิงคนหนึ่งเล่าว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอได้ยินเสียงระเบิด เธอคิดว่า เธอจะเสียชีวิตเหมือนกับ ดีมา เพื่อนของเธอ"
สภาผู้ลี้ภัยแห่งนอร์เวย์ ระบุว่า เด็ก 11 คน ในกลุ่มเด็กที่เสียชีวิตระหว่างการทิ้งระเบิดรอบล่าสุด อยู่ระหว่างรับคำปรึกษาด้านความบอบช้ำทางจิตใจจากศูนย์ของสภา
ในการให้คำปรึกษานี้จะมีการขอให้เด็ก ๆ วาดภาพ
โอลา เล่าว่า "เด็กหญิงทั้ง 5 คน ต่างวาดภาพบ้านของพวกเธอ" เธอคิดว่า นี่เป็นเพราะเด็ก ๆ เห็นว่า บ้านคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขา
แต่การสูญเสียบ้านเรือนที่เป็นที่พักพิงทางใจก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างที่เห็น
อาคารหลายแห่งในกาซาเหลือเพียงซากปรักหักพังหลังเผชิญการโจมตีทางอากาศและชาวปาเลสไตน์อีกกว่าแสนคนต้องออกจากบ้านเรือนของตัวเอง
สำหรับเด็กคนหนึ่ง การสูญเสียบ้าน หมายถึงการสูญเสียของเล่น หนังสือ และเสื้อผ้า เหมือนกับการสูญเสียสิ่งของที่ทำให้เขารู้สึกดี
"ถ้าพวกเขายังสูญเสียพ่อแม่ไปอีก ก็หมายถึงการสูญเสียการปกป้องและความรัก นอกจากนี้ เด็ก ๆ หลายคนยังได้รับบาดเจ็บเองด้วย พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือนานหลายปี"
การสำรวจของสหประชาชาติ
กาซาเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดในโลก
ดินแดนเล็ก ๆ นี้มีประชากร 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ 42% มีอายุต่ำกว่า 15 ปี
การสำรวจของสหประชาชาติในปี 2018 พบว่า 1 ใน 4 ของเด็กที่กาซา จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางจิตวิทยาสังคมเพราะเผชิญกับความบอบช้ำทางจิตใจในอดีต
โอลา จำได้ถึงความบอบช้ำทางใจที่เธอเผชิญในสมัยเป็นเด็กในช่วงต้นยุคทศวรรษ 2000
พฤติกรรมก้าวร้าว
วันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังเล่นอยู่ด้านนอกกับพี่น้องของเธอ เครื่องบินของอิสราเอลได้ทิ้งระเบิดใส่ย่านที่พวกเขาพักอาศัยอยู่
"เราเห็นไฟออกมาจากเครื่องบิน แล้วจากนั้นลูกระเบิดก็ระเบิดขึ้น เราวิ่งไปที่หลังบ้าน และตะโกนเรียกพ่อแม่ มันน่ากลัวมาก"
ระหว่างที่เกิดการทิ้งระเบิดอีกครั้งหนึ่ง เธอจำได้ว่า เธอปลอบน้องสาวที่วิ่งหนีอันตรายเข้ามากอดเธออย่างไร
"เมื่อเด็ก ๆ บอกฉันเกี่ยวกับเสียงระเบิด ฉันจำได้ตอนที่บ้านของฉันสั่นสะเทือนเพราะการทิ้งระเบิด ฉันรู้สึกได้ในหัวใจถึงความวิตกกังวลและความหวาดกลัวที่พวกเขามีเหมือนกับฉัน"
แต่โอลาบอกว่า เด็ก ๆ มีกลไกการรับมือที่แตกต่างไป ซึ่งรวมถึง การก้าวร้าวด้วย
"มีทั้งความหวาดกลัว ความไม่แน่นอน และความไม่ปลอดภัย" เธอพูดถึงชีวิตสมัยเด็กของเธอ "ฉันมีพี่น้องผู้ชาย 4 คน ที่กลายเป็นคนที่ก้าวร้าวมาก หลังจากเผชิญการโจมตีทางอากาศ บางครั้งพวกเขาตีฉันด้วย"
เธอเชื่อมโยงความก้าวร้าวนั้นกับความหวาดกลัวในการมีชีวิตรอดของพี่ชายน้องชายของเธอ
แต่ในช่วงที่เธอเป็นเด็ก เธอและพี่น้องไม่ได้รับความช่วยเหลือทางจิตวิทยาเลย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมเธอจึงเลือกที่จะเป็นนักจิตวิทยาเด็ก
"ฉันคิดว่า เด็ก ๆ อิสราเอล กำลังเผชิญกับความบอบช้ำทางจิตใจของตัวเองเช่นกัน" โอลา กล่าว
"แต่จำนวนเด็กปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตในการปะทะกันครั้งล่าสุดคิดเป็น 6 เท่าของชาวอิสราเอลที่เสียชีวิตรวมกันทุกคน รวมถึงทหารด้วย ตัวเลขนี้บอกเรื่องราวคุณได้"
"ดินแดนแห่งความทรงจำ"
ระหว่างที่เกิดความรุนแรงครั้งล่าสุด เธอพยายามที่จะใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติ และทำให้ลูกชายวัย 3 ขวบของเธอไม่รู้สึกตื่นตระหนก หลังจากที่เธอหย่าขาดจากสามี เธอก็ใช้ชีวิตกับลูกตามลำพัง
"เขายังเล็กเกินกว่าที่จะเข้าใจ ตอนที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น เขาวิ่งเข้ามาหาฉัน ฉันบอกเขาว่า ฉันจะปกป้องเขาเสมอ" เธอเล่า
โอลา ไม่ต้องการให้ลูกชายของเธอมีชีวิตเหมือนกับช่วงวัยเด็กของเธอ แต่เธอบอกว่า เธอไม่คิดที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น
"เมื่อเขาโตขึ้น ฉันจะบอกเขาว่า กาซา ไม่ใช่แค่สถานที่หนึ่ง มันเป็นดินแดนของพ่อแม่ของฉัน เป็นที่ฝังศพแม่ของฉัน เป็นดินแดนแห่งความทรงจำและอัตลักษณ์"