ชาวยิวบุกเผามัสยิดในเขตเวสต์แบงก์ พร้อมพ่นข้อความเหยียด

ชาวปาเลสไตน์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลได้จุดไฟเผามัสยิดแห่งหนึ่งในเขตเวสต์แบงก์ และพ่นข้อความเหยียดเชื้อชาติไว้บนผนังของมัสยิด โดยภายในมัสยิดมีร่องรอยผนังไหม้เกรียมและหน้าต่างแตกเสียหาย ส่วนด้านนอกมีการพ่นข้อความต่าง ๆ เช่น “จงล้างแค้นศัตรูของพระองค์”, “พวกเราไม่กลัวอาวี บล็อต” ซึ่งก็คือผู้บัญชาการกองบัญชาการกลาง ซึ่งเมื่อพุธที่ผ่านมาได้ออกมาประณามการก่อการร้ายของชาวยิวอย่างรุนแรง และยังมีข้อความอื่น ๆ อีกข้อความ

ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ไฟถูกดับได้ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้

กองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้ส่งกำลังไปยังที่เกิดเหตุเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมระบุว่า “เหตุการณ์นี้ถูกส่งต่อให้ตำรวจอิสราเอลและหน่วยความมั่นคงภายใน (ISA) ดำเนินการต่อไป” และ “กองทัพอิสราเอลประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และจะยังคงปฏิบัติการเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่อไป”

เมื่อวันศุกร์ที่ผานมา สำนักงานประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) รายงานว่า กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลได้ก่อเหตุโจมตีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 264 ครั้งในเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดต่อเดือนนับตั้งแต่สหประชาชาติเริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2549

เวสต์แบงก์ ซึ่งมีประชากรชาวปาเลสไตน์ราว 2.7 ล้านคน เป็นพื้นที่สำคัญในแผนจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ในอนาคตให้อยู่เคียงข้างกับอิสราเอล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิสราเอลหลายชุดได้ขยายการตั้งถิ่นฐานอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่ดังกล่าวถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ

องค์การสหประชาชาติ, ชาวปาเลสไตน์ และประเทศส่วนใหญ่ในโลกต่างมองว่าการตั้งถิ่นฐานเหล่านี้ เป็นสิ่งผิดกฎหมายตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ทางอิสราเอลปฏิเสธ โดยอ้างถึง “ความผูกพันทางศาสนาในพระคัมภีร์” และ “เหตุผลด้านความมั่นคง” ปัจจุบันมีชาวอิสราเอลประมาณ 5 แสนคน อาศัยอยู่ในเขตเวสต์แบงก์