สธ.เร่งฉีดวัคซีนโควิดกลุ่ม 608 ทั่วปท.อย่างน้อย 1.9 แสนคน/วัน เป้าป่วยตายไม่เกิน 1%
วันนี้ (15 ส.ค.64) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ สธ.
มีระบบฐานข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในทุกเรื่อง ทั้งยารักษา เวชภัณฑ์ จำนวนเตียง รวมทั้งการกระจายและ
การฉีดวัคซีน อัตราการป่วย เสียชีวิต เป็นต้น มีการประชุมติดตาม วิเคราะห์ข้อมูล วางแผน รองรับการคาดการณ์แนวโน้มระยะ 14 วัน ทั้งการระบาด การใช้ทรัพยากรต่างๆ และปรับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการระบาดโควิด-19 ตลอดเวลา ใช้ยุทธศาสตร์ที่เน้นการลดอัตราการเสียชีวิตและการป่วยหนัก มีการประเมิน และติดตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการระบาดโควิด-19
“จากข้อมูลช่วงวันที่ 6-12 สิงหาคม 2564 หรือสัปดาห์ที่ 34 ของปีนี้ พบการติดเชื้อทั้ง 77 จังหวัด เฉลี่ย 20,000 รายต่อวัน จำนวนผู้ติดเชื้อกระจายจากกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ไปภูมิภาค มากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และมีผู้ป่วยอาการหนักมี 5,507 ราย ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคกลาง และไม่พบผู้ป่วยอาการหนัก 3 จังหวัด คือ กระบี่ พัทลุง และ ลำปาง” ปลัด สธ.กล่าว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในภาพรวมของสัปดาห์ที่ 34 มีอัตราการป่วยตายของไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.9 หรือ คิดเป็น 105 ต่อประชากรล้านคน ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 559 ต่อประชากรล้านคน อัตราการเสียชีวิตต่อแสนประชากรพบว่า กระจุกตัวในภาคกลาง โดยจังหวัดที่อัตราการเสียชีวิตมากกว่า 5 ต่อแสนประชากร มี 5 จังหวัด คือ สมุทรสาคร อยู่ที่ 13 ต่อแสนประชากร, กรุงเทพฯ 10 ต่อแสนประชากร, สมุทรปราการ 6 ต่อแสนประชากร, ตาก 5.7 ต่อแสนประชากร และ นครปฐม 5 ต่อแสนประชากร ส่วนเสียชีวิต 3-5 ต่อแสนประชากร มี 6 จังหวัด คือ ปัตตานี ปทุมธานี ระนอง ปราจีนบุรี ตราด และนครนายก เสียชีวิต 1.5-3 ต่อแสนประชากร มี 11 จังหวัด คือ อ่างทอง นราธิวาส พิจิตร อยุธยา ยะลา นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา นนทบุรี ราชบุรี ชลบุรี และระยอง และน้อยกว่า 1.5
ต่อแสนประชากรมี 44 จังหวัด และ ไม่พบผู้เสียชีวิต 11 จังหวัด คือ กระบี่ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ บึงกาฬ แพร่ ภูเก็ต ลพบุรี เลย สมุทรสงคราม และ สุพรรณบุรี
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า จากการประชุมติดตามการทำงาน สธ.จึงตั้งเป้าหมายลดอัตราป่วยตาย ต้องไม่เกินร้อยละ 1 ได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพ ติดตามอย่างใกล้ชิด จัดสรรทรัพยากรในการดูแลรักษาให้แต่ละจังหวัดอย่างเหมาะสม เช่น เครื่องช่วยหายใจ ยารักษา ตรวจเชิงรุก ค้นหาผู้ติดเชื้อเร็ว นำเข้าระบบการรักษาเร็ว ได้ยาเร็ว และเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาดให้ครอบคลุมตามเป้าหมายของพื้นที่ภายใน 30 วัน หรือ อย่างน้อย 1.9 แสนคนต่อวัน โดยฉีดเข็ม 1 ใน 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ได้ร้อยละ 70 ซึ่งขณะนี้มีเพียงกรุงเทพฯ ที่ฉีดกลุ่ม 60 ปีขึ้นไปได้ร้อยละ 90 และ บางจังหวัด ได้แก่ ลพบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา ฉีดได้ต่ำกว่า ร้อยละ 20
“สำหรับจังหวัดอื่นๆ ที่เหลือ ต้องฉีดให้ครอบคลุม ร้อยละ 50 และเฝ้าระวังการระบาดในโรงงาน ตลาด และชุมชน เข้มงวดมาตรการ บับเบิล แอนด์ ซีล (Bubble & Seal) นอกจากนี้ ด้านทรัพยากรต่างๆ ทาง สธ. มีการเตรียมการและสั่งซื้อเข้ามาตลอดเวลาให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงมีการปรับแผน และติดตามกำกับทุกสัปดาห์ เพื่อให้การรับมือกับโควิด-19 ในทุกพื้นที่ ครอบคลุมในทุกด้าน” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว