รีเซต

"เขื่อนเจ้าพระยา" แจ้งระบายน้ำเป็น 1,450 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป!

"เขื่อนเจ้าพระยา" แจ้งระบายน้ำเป็น 1,450 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป!
TNN ช่อง16
2 กันยายน 2568 ( 09:24 )
8

กรมชลประทาน อัปเดตสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา 2 กันยายน 2568 เวลา 06.00 น.

- สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์

ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,715 ลบ.ม./วินาทีระดับน้ำ 22.07 ม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 3.63 ม.) แนวโน้มเพิ่มขึ้น

- สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท

ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,350 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน 15.04 ม. ระดับน้ำท้ายเขื่อน 12.56 ม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 3.78 ม.) แนวโน้มเพิ่ม

 ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะทยอยปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เวลา 12.00 น. จากอัตรา 1,350 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,450  ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 22.00 น. ของวันนี้(2 ก.ย. 68) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด


บริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเฝ้าระวังพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่านตลอด 24 ชั่วโมง

วันที่ 2 กันยายน 2568 เวลา 08.00 น. นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 พร้อมด้วยนายชวลิต สุราราช ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ผ่านระบบ Zoom Meeting ณ ห้องประชุม 2 สำนักงานชลประทานที่ 3 เพื่อร่วมติดตามและวางมาตรการรองรับสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “คาจิกิ” และ “หนองฟ้า” ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ 

โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เพื่อให้การติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานชลประทานที่ 3 ได้ดำเนินการติดตามปริมาณฝนและการไหลของน้ำในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 นายชวลิต สุราราช ได้รายงานว่า จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “หนองฟ้า” ได้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากแม่น้ำสายหลัก ลำห้วยสาขา และการผันน้ำเข้าสู่เขื่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน

เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น กรมชลประทานได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ในช่วงวันที่ 1 – 7 กันยายน 2568 โดยในช่วงวันที่ 1 – 3 กันยายน จะมีการลดอัตราการระบายน้ำลงเหลือวันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 290 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และระหว่างวันที่ 4 – 7 กันยายน จะปรับเพิ่มเป็นวันละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 580 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้จะมีการติดตาม ประเมิน และปรับแผนการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและระดับน้ำท้ายเขื่อนในแต่ละช่วงเวลา

สำนักงานชลประทานที่ 3 ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมพร้อม หากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 3 ยังคงเดินหน้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง