รีเซต

BTSเปิดครบ60สถานี ผู้โดยสารชน9แสนคน

BTSเปิดครบ60สถานี ผู้โดยสารชน9แสนคน
ทันหุ้น
10 มิถุนายน 2565 ( 06:44 )
230
BTSเปิดครบ60สถานี ผู้โดยสารชน9แสนคน

#BTS #ทันหุ้น – BTS มั่นใจรายได้ปี 2565/2566 โตทุกกลุ่มธุรกิจ คาดปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันแตะ9 แสนคนต่อวัน หลังเปิดให้บริการครบ 60 สถานี พร้อมทุ่มงบลงทุน 700 ล้านบาทต่อยอดธุรกิจโฆษณาย้ำปัญหาสัญญาสัมปทานสายสีเขียวไม่กระทบรายได้

 

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดปี 2565/2566 (เม.ย. 65-มี.ค.66) จะฟื้นตัวได้ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยคาดว่ารายได้จากการรับจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงระบบ (O&M)ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.35% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 6.3 พันล้านบาท พร้อมประมาณการรายได้รับจากโครงการรถไฟฟ้า (Mass transit rated income) ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.76%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่3.4 พันล้านบาท

 

*จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม

 

ขณะที่ภาพรวมปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า BTS ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2565ปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวัน 6-6.3 แสนคนต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของปริมานณผู้โดยสารเฉลี่ยงวดปี 2561/2562 ที่อยู่ระหว่าง 7.7 – 9 แสนคนต่อวัน เบื้องต้นคาดว่าตั้งแต่งวดไตรมาส 2/2565/2566 (ก.ค.-ก.ย.65) เป็นต้นไปปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันจะเร่งตัวขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากในปี 2565 นี้บริษัทสามารถให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้เต็มทั้งสายทาง 60 สถานีครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร - สมุทรปราการ – และปทุมธานี

 

ส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณาผ่านการดำเนินงานของบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ประมาณการรายได้ทั้งปี 2565/2566 ระหว่าง 6.5-7 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าจะมีกำไรขั้นต้น (EBITDA Margin) ที่ 20% หนุนจากจำนวนพื้นที่โฆษณาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

 

*ทุ่มงบโฆษณา 700 ล.

 

ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนสำหรับธุรกิจโฆษณาไว้ราว 700 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการขยายพื้นที่โฆษณาตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2566ประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 200 ล้านบาท จะนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีของ Rabbit Group ทั้ง Rabbit Cash และ Rabbit Care ให้สามารถนำเสนองานบริการต่างๆ ได้ทันสมัย ตอบสนองความต้องการใช้งานแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

 

สำหรับกรณีภาระหนี้สินระหว่างบริษัทกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ย้ำว่าปัจจุบันบริษัทยังเป็นผู้ได้รับสัมปทานงานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สายสุขุมวิท) ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2572 (อีก 7 ปี) รวมถึงเป็นผู้รับจ้างเดินรถ และซ่อบบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงที่ 1 อ่อนนุช-แบริ่ง, ตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 หมอชิต-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปรากร ดังนั้น ณ ปัจจุบันประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อยู่ระหว่างหาทางแก้ไขร่วมกันระหว่างภาครัฐบาล และบริษัทจึงไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน, ฐานะทางการเงิน, และแผนการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทแต่อย่างใด

 

ส่วนการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวถึง อัตราค่าโดยสารนั้น เบื้องต้นคาดว่าเป็นอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้ง 25 สถานี ได้แก่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต16 สถานี และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 9 สถานี ที่ยังคงให้บริการฟรี ไม่คิดค่าโดยสารมาอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้กทม.มีภาระหนี้สิน โดยไม่มีรายได้เข้ามาเชยจนถึงปัจจุบัน

 

*เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้บริษัทยังคงมองหาโอกาสการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทได้เข้าซื้อซองเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal : RFP) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1.4 แสนล้านบาทแล้วเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างศึกษาการรายละเอียดเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าประมูลโครงการดังกล่าว

 

สำหรับโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก สนามบินอู่ตะเภานั้น ล่าสุดท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ได้ใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินงานตามแผนพัฒนาโครงการตามขั้นตอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง