‘จิตตะ เวลธ์’ หนุนนักลงทุนไทยโกอินเตอร์ เปิดตัวพอร์ตลงทุนเน้นเทรนด์โลก ขั้นต่ำ 1 แสนบาท

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (จิตตะ เวลธ์) สตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทย เป็นรายแรกที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า การลงทุนในธุรกิจเป็นธีม โดยเฉพาะในกลุ่มเมกะเทรนด์โลก (Thematic Investment) ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อาทิ ธีมการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี หรือธีมที่เจาะด้านเทคโนโลยีทางการเงิน ระบบคลาวด์ หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เกมและอีสปอร์ต รวมถึงพลังงานสะอาด หรืออาจเป็นธีมที่ลงทุนในเทคโนโลยีของประเทศผู้นำในอุตสาหกรรม อาทิ สหรัฐอเมริกา หรือ จีน ที่คาดว่าจะเติบโตมีมูลค่ามหาศาลในอนาคต ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก และกำลังกลายเป็นการลงทุนกระแสหลัก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม อีกทั้งยังสร้างผลตอบแทนเติบโตไปพร้อมกับดัชนีธีมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมเหล่านั้น
นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า รูปแบบการลงทุนแบบ การลงทุนในธุรกิจเป็นธีม โดยเฉพาะในกลุ่มเมกะเทรนด์โลก จะเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจผ่าน ETF (Exchange Traded Fund) เพื่อกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมหรือเมกะเทรนด์นั้นๆ โดยบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์ริแมน แอนด์ โค (Brown Brothers Harriman & Co.) ได้จัดทำรายงาน “Global ETF Investor Survey” ประจำปี 2564 นำเสนอข้อมูลจากการสำรวจนักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า 80% ของนักลงทุนวางแผนจะเพิ่มการจัดสรรเงินลงทุนไปยังกองทุน ETF แบบ Thematic มากขึ้น สอดคล้องกับรายงานของมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) (มิ.ย. 64) ที่ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้กองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวโดยมีมูลค่าสินทรัพย์ดังกล่าวกว่า 5.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่สัดส่วนกว่า 51% ของกองทุนเหล่านี้อยู่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
“จิตตะ เวลธ์ เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของการลงทุนแบบ Thematic ในตลาดโลก จึงได้เปิดกองทุนส่วนบุคคลThematic ตั้งแต่เดือน ต.ค. 63 เป็นการลงทุนในรูปแบบ Thematic DIY ให้นักลงทุนจัดพอร์ตเลือกธีมที่ชื่นชอบออกแบบพอร์ตด้วยตนเอง เลือกจับคู่ธีมได้สูงสุดถึง 5 ธีมในพอร์ตเดียว แล้วให้ระบบบริหารจัดการ ดูแลปรับพอร์ตให้ซึ่งปัจจุบันมีธีมการลงทุนให้เลือกทั้งหมด 16 ธีม มาจากการคัดสรรเลือก Passive ETF ที่น่าลงทุนสูงสุดของแต่ละเมกะเทรนด์ โดย จิตตะ เวลธ์ จะวิเคราะห์คัดกรอง Passive ETF ที่มีมูลค่าสุทธิการลงทุนของธีมเมกะเทรนด์แต่ละธีมที่สูงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ที่ต่ำมาก และมีสภาพคล่องลงทุนได้จริง โดยระบบจะช่วยดูแลเพื่อให้พอร์ตเติบโตไปพร้อมๆ กับเมกะเทรนด์” นายตราวุทธิ์ กล่าว
นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า เพื่อให้นักลงทุนได้ลงทุนธีมกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์โลกผ่าน Passive ETF ที่น่าลงทุนที่สุดสำหรับแต่ละกลุ่มธุรกิจได้สะดวกสบายมากขึ้น จัดพอร์ตด้วยธีมเมกะเทรนด์ศักยภาพสูง บริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบ มีหลักการ ลดภาระที่นักลงทุนต้องคอยมาศึกษาข้อมูล เลือกและตัดสินใจเอง จิตตะ เวลธ์ จึงได้เปิดตัว Thematic Optimize ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์การเติบโตของธีมเมกะเทรนด์ต่างๆ จากหุ้นในธีมกว่า 2,500 หุ้น และพิจารณาผลตอบแทนที่ผ่านมา รวมถึงความเสี่ยง เพื่อคัดเลือก 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุด ณ เวลานั้น มาจัดพอร์ตในสัดส่วนเท่าๆ กันและคอยดูแลปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติทุกๆ 3 เดือน ทั้งนี้ ระบบได้พิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง สามารถทำกำไรเฉลี่ยทบต้น 25.22% ต่อปี ชนะดัชนี MSCI World Index (Total Return) ที่มีผลตอบแทน 13.78% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 64) โดยกองทุนส่วนบุคคล Thematic Optimize ของ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด เริ่มต้นลงทุน 100,000 บาท มีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.jittawealth.com/thematic/optimize
“Thematic Optimize คือเทคโนโลยีการจัดพอร์ตลงทุนในธีมด้วยเอไอล่าสุด ที่ช่วยให้นักลงทุนไทยไม่พลาดการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์โลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดี พร้อมรับความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า เพียง 0.5% ต่อปี การสร้างนวัตกรรมการลงทุนนี้เป็นความมุ่งมั่นของ จิตตะ เวลธ์ ที่มีมาโดยตลอด เพื่อให้นักลงทุนไทยได้มีโอกาสสร้างพอร์ตแกร่งในระยะยาว” นายตราวุทธิ์ กล่าว