โลกร้อนปลุกแบคทีเรียกินเนื้อ กำลังระบาดในสหรัฐฯ แค่รอยข่วนก็เสี่ยงเสียชีวิต!

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขยืนยันว่า ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้เชื้อแบคทีเรีย Vibrio vulnificus หรือที่รู้จักกันในชื่อ "แบคทีเรียกินเนื้อ" แพร่ระบาดเพิ่มขึ้น โดยพบว่าทั้งจำนวนผู้ป่วยและพื้นที่ระบาดขยายตัวมากกว่าที่เคย

กรณีล่าสุดเกิดขึ้นในรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา เมื่อชายชาวประมงวัยเกษียณในหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมอ่าว เกือบเสียชีวิตจากการติดเชื้อร้ายแรงนี้ หลังมีเพียงแค่รอยขีดข่วนเล็กน้อยบนขา กลายเป็นทางผ่านให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย จนเกิดภาวะ “necrotizing fasciitis” หรือการอักเสบติดเชื้อที่ทำลายชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอย่างรวดเร็ว

แพทย์ผู้รักษาเปิดเผยว่า ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตเพียงครึ่งหนึ่ง และต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ แม้สามารถรักษาขาไว้ได้ แต่เขาต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในโรงพยาบาลและยังคงอยู่ระหว่างการฟื้นฟูร่างกาย

เชื้อ Vibrio vulnificus หรือ “แบคทีเรียกินเนื้อ” พบได้ตามธรรมชาติในน้ำทะเลบริเวณชายฝั่ง โดยเฉพาะในน้ำกร่อยที่เป็นจุดบรรจบของน้ำจืดและน้ำเค็ม ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น โดยการติดเชื้ออาจเกิดจากบาดแผลสัมผัสน้ำทะเล หรือจากการรับประทานอาหารทะเลดิบ เช่น หอยนางรม ซึ่งเป็นตัวกรองน้ำทะเล หากในน้ำมีเชื้อสูง หอยเพียงหนึ่งตัวอาจสะสมเชื้อได้ถึงนับล้านเซลล์

แม้ว่าส่วนใหญ่จะทำให้เกิดอาการท้องเสีย แต่บางรายอาจลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดจนเป็นอันตรายถึงชีวิต อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อชนิดนี้สูงถึงราว 20% และบางรายอาจเสียชีวิตภายในหนึ่งถึงสองวันหลังเริ่มมีอาการ

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อบนชายฝั่งตะวันออกของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 800% ระหว่างปี 1988 ถึง 2018 หลายรัฐนอกเขตอ่าวเม็กซิโกซึ่งไม่เคยพบเชื้อมาก่อน เริ่มมีรายงานผู้ป่วย เช่น แมสซาชูเซตส์ นอร์ทแคโรไลนา เวอร์จิเนีย และนิวยอร์ก และในปีนี้ ลุยเซียนารายงานผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 17 ราย เสียชีวิต 4 รายภายในเดือนกรกฎาคม เพียงเดือนเดียวก็เกินกว่าตัวเลขเฉลี่ยทั้งปีของรัฐ

นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการอยู่รอดและแพร่ระบาดของแบคทีเรียกินเนื้อ โดยอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มจากน้ำแข็งละลาย ทำให้ความเค็มลดลง ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อ ที่สำคัญคือ เมื่อฤดูหนาวอุ่นขึ้น แบคทีเรียสามารถอยู่รอดได้มากขึ้น ทำให้เริ่มต้นฤดูร้อนด้วยปริมาณ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ระบุว่า แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ แต่พบทั่วโลก และเป็นตัวอย่างชัดเจนของผลกระทบจากโลกร้อนที่มีต่อสุขภาพมนุษย์

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนะนำว่า หากมีบาดแผลควรหลีกเลี่ยงการลงน้ำทะเลหรือแม้แต่น้ำกร่อย และควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารทะเลดิบ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะกรณีของชายชาวประมงในลุยเซียนาถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนว่า แม้เพียงบาดแผลเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่ภาวะติดเชื้อร้ายแรงได้ เขาย้ำว่า การรู้เท่าทันและรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติ อาจช่วยชีวิตได้