รีเซต

ญี่ปุ่นเปิดตัวแอปฯ ใช้แสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิด-19

ญี่ปุ่นเปิดตัวแอปฯ ใช้แสดงหลักฐานฉีดวัคซีนโควิด-19
Xinhua
20 ธันวาคม 2564 ( 15:35 )
123

โตเกียว, 20 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (20 ธ.ค.) สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดตัวแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนที่ทำให้ประชาชนสามารถแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ รวมถึงในกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง

 

สำนักงานดิจิทัล เอเจนซี ของญี่ปุ่นรายงานว่าแอปพลิเคชันข้างต้นซึ่งมีชื่อว่า โควิด-19 วัคซีเนชัน เซอร์ทิฟิเคต แอปพลิเคชัน (COVID-19 Vaccination Certificate Application) สามารถใช้งานได้กับทั้งสมาร์ตโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการของไอโฟนและแอนดรอยด์ โดยแอปพลิเคชันนี้จะแสดงข้อมูลว่าผู้ถือฉีดวัคซีนแล้วกี่โดส วันที่ฉีด และยี่ห้อวัคซีนที่ได้รับ

 

ผู้ใช้งานสามารถขอรับใบรับรองการฉีดวัคซีนผ่าน "มายนัมเบอร์" ซึ่งเป็นระบบเลขประจำตัวประชาชนในญี่ปุ่น โดยพลเมืองและผู้พักอาศัยในญี่ปุ่นทุกคนมีเลขประจำตัว 12 หลักอยู่แล้ว แต่จะต้องยื่นขอการ์ดมายนัมเบอร์แยกต่างหาก

 

ผู้ถือการ์ดสามารถใช้สมาร์ตโฟนของตนสแกนการ์ดมายนัมเบอร์ เพื่อให้ข้อมูลการฉีดวัคซีนไปปรากฎบนหน้าแอปพลิเคชัน โดยข้อมูลการฉีดวัคซีนทั้งหมดล้วนถูกเก็บอยู่ในระบบคลาวด์ของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า วัคซีเนชัน เรคคอร์ด ซิสเต็ม หรือ วีอาร์เอส (VRS)

 

อย่างไรก็ตาม ระบบวีอาร์เอสยังไม่ครอบคลุมทุกเมือง โดยประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อเมืองที่มีบริการข้างต้นได้บนเว็บไซต์ของสำนักงานฯ

 

ส่วนผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศจะต้องเพิ่มข้อมูลพาสปอร์ตลงบนแอปพลิเคชัน โดยปัจจุบันแอปพลิเคชันนี้ให้คำแนะนำต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น

 

นอกจากจะใช้ใบรับรองดิจิทัลนี้สำหรับตรวจสอบด้านการกักตัวในต่างประเทศแล้ว สำนักงานฯ ยังพิจารณาจะนำมาใช้ในโครงการภายในประเทศเพื่อคลายข้อจำกัดด้านโรคโควิด-19 สำหรับผู้ที่มีหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ แม้หลังญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง

 

ฮิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นระบุระหว่างงานแถลงข่าวในวันจันทร์ (20 ธ.ค.) ว่าแอปพลิเคชันนี้อาจถูกนำไปใช้ลดความเสี่ยงด้านการติดเชื้อในชีวิตประจำวัน รวมถึงใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย

สำนักงานฯ กล่าวเตือนว่าข้อมูลการฉีดวัคซีนอาจมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง และผู้ใช้งานควรติดต่อหน่วยงานของแต่ละเมืองเพื่อแก้ไขต่อไปหากมีความจำเป็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง