รีเซต

BEM ตามนัดกำไรแรง440% โบรกส่องปี65แตะ5พันล้าน

BEM ตามนัดกำไรแรง440% โบรกส่องปี65แตะ5พันล้าน
ทันหุ้น
16 พฤศจิกายน 2563 ( 08:15 )
98
BEM ตามนัดกำไรแรง440% โบรกส่องปี65แตะ5พันล้าน

ทันหุ้น –BEM มาตามนัด โชว์กำไรสุทธิโตกระโดดที่ 822 ล้านบาท 440%จากไตรมาสก่อน หลังปริมาณผู้ใช้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าได้ฟื้นตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านโบรกคาดกำไรปกติจะแตะระดับ 5 พันล้านบาท ในปี 2565 เมื่อมีการเปิดใช้รถไฟฟ้าเต็มวง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 11.50 บาท

 

นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 822ล้านบาท เพิ่มขึ้น 440% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ในส่วนของปริมาณผู้ใช้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าได้ฟื้นตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนเฉลี่ยวันละ 1,135,400 เที่ยว เพิ่มขึ้น 40.75% และปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ยวันละ 283,700 เที่ยว เพิ่มขึ้น 113% จากไตรมาสก่อน โดยมีผู้โดยสารในวันทำการเฉลี่ยวันละ 338,800 เที่ยว

 

อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาส 3/2562 กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปีนี้ ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมา 115 ล้านบาท หรือ 12.3% จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19เนื่องจากธุรกรรมทางเศรษฐกิจและ ปริมาณการเดินทางซึ่งมีผลโดยตรงต่อรายได้ของบริษัทอยู่ระหว่างการฟื้นตัว

 

นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดให้ใช้ฟรีในวันหยุดราชการ สำหรับทางด่วน 3 สายทาง ได้แก่ ทางด่วนขั้นที่ 1 ทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุด และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนอีกด้วย

 

*คาดปี 65 กำไรแตะ 5 พันล.

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BEM ว่า ผลประกอบการ 9 เดือน คิดเป็น 66% ของประมาณกำไรทั้งปี 2563 ที่ 2.2 พันล้านบาท เบื้องต้นคาดผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ลดลงจากไตรมาสก่อน จากการไม่มีเงินปันผลรับจาก TTW และ CKP แต่กลับมาเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนได้ราว 35-40% จากธุรกิจรถไฟฟ้าที่กลับเข้าใกล้จุดคุ้มทุน

 

คงประมาณการกำไรปกติปี 2563/2564 ที่ 2.2 พันล้านบาท และ 4.3 พันล้านบาท ตามลำดับ และคาดจะไปสู่ระดับกำไรปกติที่ระดับ 5 พันล้านบาท ในปี 2565ซึ่งเป็นระดับที่ควรทำได้เมื่อมีการเปิดใช้รถไฟฟ้าเต็มวงและได้ผลบวกจากค่าเสื่อมราคาธุรกิจทางด่วนที่ลดลง

 

สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ตะวันตก (บางขุนนนท์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ล่าสุดบริษัทได้ยื่นซองประมูลแล้วในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 และอยู่ระหว่างรอประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติในวันที่ 23 พฤสจิกายน 2563 และการเปิดซองการประมูลในลำดับถัดไป

 

*ราคาเหมาะสม 11.50 บาท

 

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 11.50 บาทต่อหุ้น (DCF WACC 5.2%, T.G. 2%) และคงมุมมองเป็นบวกจาก 1.ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าไตรมาส 3/2563 ที่ปรับตัวขึ้นในลักษณะ V-Shape และคาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในไตรมาส 4/2563 ตามสภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ Upside Risk คือความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ที่มีผลต่อการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากเร็วกว่าคาดจะเป็นบวกต่อจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าและผลประกอบการในปี 2564

 

และ 2.การเป็นตัวเต็งในการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ตะวันตก หากชนะคาดเป็น Upside Risk ต่อราคาหุ้นอย่างน้อย 1.50 บาท ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการ

Upside Risk ในระยะสั้น-กลาง ได้แก่ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ครุใน) บนระบบ O&M คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นภายในปี 2564 2.การสร้างและดำเนินงานทางด่วน Double Deck ที่อยู่ระหว่างการศึกษา EIA และ 3.โอกาสในการ Spin-off บริษัท BMN เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง