รายงานชี้ พิษโควิด-19 ทำกิจการ 60% ในสหรัฐฯ ปิดตัวถาวร
วอชิงตัน, 17 ก.ย. (ซินหัว) -- รายงานที่เผยแพร่โดยเยลป์ (Yelp) เว็บไซต์รีวิวร้านอาหารชื่อดังของสหรัฐฯ ระบุว่าราวร้อยละ 60 ของกิจการที่ปิดให้บริการในสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นการปิดกิจการแบบถาวร ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบร้ายแรงจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
"ขณะที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้น และข้อจำกัดท้องถิ่นยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในหลายรัฐ เราพบว่ามีกิจการที่ปิดทำการทั้งแบบถาวรและชั่วคราวเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยในจำนวนนี้เป็นการปิดถาวรมากถึงร้อยละ 60" เยลป์กล่าวในรายงานค่าเฉลี่ยทางเศรษฐกิจ (Economic Average Report) ฉบับล่าสุด
รายงานระบุว่าเมื่อนับถึงวันที่ 31 ส.ค. กิจการของสหรัฐฯ บนเว็บไซต์เยลป์ รวม 163,735 ราย ได้ปิดตัวลงเนื่องจากการระบาดใหญ่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 นับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. และในจำนวนนี้ปิดถาวร 97,966 ราย อุตสาหกรรมร้านอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยมีร้านอาหารปิดกิจการรวม 32,109 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นร้านที่ปิดถาวรมากถึงร้อยละ 61
รายงานชี้ให้เห็นว่ารัฐฮาวาย แคลิฟอร์เนีย และเนวาดา มีการปิดตัวของกิจการทั้งแบบชั่วคราวและถาวรมากที่สุดจากทั่วประเทศ ทั้งยังเป็น 3 รัฐที่มีอัตราการว่างงานสูงสุดเช่นกัน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการปิดกิจการที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอันเปราะบางของสหรัฐฯ ทว่ารัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงไม่สามารถประกาศใช้มาตรการบรรเทาทุกข์จากโรคโควิด-19 ขั้นต่อไป
ด้านเจโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เผยว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากกำลังประสบปัญหา และรัฐบาลประจำรัฐและท้องถิ่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินที่เลวร้าย
"สหรัฐฯ ต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานให้กลับไปเท่ากับช่วงต้นปี และอาจต้องได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งนโยบายด้านการเงินและการคลังเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น" พาวเวลล์กล่าว