CDC สหรัฐฯ เตือน ไวรัสโควิดแค่กลายพันธุ์อีกไม่กี่ครั้ง จะหลบวัคซีนได้

วันนี้ (28 ก.ค.64) ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC กล่าวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ถ้าเกิดการกลายพันธุ์อีกเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก็จะสามารถหลบวัคซีนต้านโควิดได้ ถือเป็นความกังวลใหญ่หลวงที่สุด ที่วงการสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์กำลังวิตกอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ดร.วาเลนสกี้ ยืนยันว่า สถานการณ์กลายพันธุ์ของไวรัสโควิดในปัจจุบัน ยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น และวัคซีนต้านโควิดที่มีอยู่ ยังคงมีประสิทธิภาพอย่างดีมาก ในการป้องกันการเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์เท่าที่เรารู้จักในขณะนี้ได้ด้วย

แต่ผู้อำนวยการ CDC ชี้ว่า ความกังวลใหญ่หลวงที่สุด ที่เธอคิดว่า ทุกคนที่อยู่ในวงการสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์กำลังวิตก คือศักยภาพในการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด แม้ว่า ณ ปัจจุบันนี้ วัคซีนยังคงทำงานได้ผลดี แต่เนื่องจากไวรัสโควิดยังคงระบาดไม่หยุด สิ่งที่วิตกคือ สถานการณ์ขั้นต่อไปที่อาจเกิดขึ้น แค่เพียงโควิดเกิดการกลายพันธุ์อีกเพียงไม่กี่ครั้ง จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดแล้ว อาจเกิดโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ ที่เกินกว่าประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ สุดที่จะต้านทานไหว

แต่สิ่งที่จะสกัดการกลายพันธุ์ของโควิด ผู้อำนวยการ CDC ชี้ว่า คือการที่ประชาชนฉีดวัคซีนต้านโควิด เพื่อหยุดเชื้อไวรัสโควิดไว้ที่กลางทาง ก่อนที่มันจะสามารถกลายพันธุ์ต่อไปได้อีก จนกลายเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่เรื่อยไป และอาจทำให้ต้องคิดค้นวัคซีนตัวใหม่ จึงจะสามารถจัดการมันได้ วิธีป้องกันไม่ให้โควิดกลายพันธุ์ ยังรวมไปถึงการใส่หน้ากากอนามัยด้วย เพราะสามารถชะลอการระบาดของโควิดให้ช้าลงได้

ข้อมูลจาก CDC ระบุล่าสุดว่า โควิดกลายพันธุ์เดลต้า มีสัดส่วนถึง 83% ของผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทั่วสหรัฐฯ โดยเดลต้ากำลังระบาดมากที่สุดในหมู่ชาวอเมริกันที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนต้านโควิด เกือบทั้งหมด หรือ 99.5% ของผู้เสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐฯ ขณะนี้ คือคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และ 97% ของผู้ป่วยโควิดที่กำลังรักษาในโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ ขณะนี้ คือคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด.