KTAMเปิดโผกองประหยัดภาษี เน้นพอร์ตแกร่ง-เทรนด์อนาคต
KTAM แนะกองทุนประหยัดภาษีSSF – RMF จัดพอร์แกร่ง หลบผันผวนชวนพันเงินตราสารหนี้ ขณะที่กองทุนหุ้นตัวแกร่ง ปันผลก็ดี -ESG ก็เด่น พร้อมกระจายลงทุนในเทรนด์มีอนาคต อย่างเวียดนาม และเฮลแคร์ เสริมพอร์ตเติบโตระยะยาว
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมตลาดการลงทุนอาจจะเผชิญกับความผันผวนอยู่บ้าง แต่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จึงควรเน้นหาโอกาสการลงทุนเกาะไปกับประเด็นขับเคลื่อนใหญ่ๆ เช่น ภาวะดอกเบี้ยสูง ผลพวงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และการสูงวัยของประชากร เป็นต้น ขณะที่เงินเฟ้อโดยรวมยังคงลดลงถึงแม้ว่ายังสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางต่างๆ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวในระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง
นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า การลงทุนในโค้งท้ายเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี KTAM ได้คัดกลุ่มกองทุนเพื่อรับมือกับตลาดที่ยังคงมีความผันผวน เพื่อให้นักลงทุนได้มีแนวทางลงทุนอย่างมีวินัยต่อไป อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเสริมพอร์ตให้มีโอกาสเติบโตในระยะยาว
พักเงินตราสารหนี้
กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินเพื่อรอจับจังหวะในการลงทุน หรือไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก พร้อมทั้งรองรับกับสถานการณ์ในช่วงดอกเบี้ยที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต โดยแนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF2) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่น ๆ รวมทั้งเงินฝากโดยจะปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้แต่ละประเภทข้างต้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา
ส่วนกองทุนชนิดเพื่อการออมแนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (KTFIXPLUS-SSF) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งใน และ/หรือต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
หุ้นปันผลก็ดี-ESGก็แจ่ม
กลุ่มกองทุนหุ้น แนะนำ กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีประวัติการจ่ายปันผลดี ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-HiDiV RMF) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีประวัติการจ่ายปันผลที่ดี สม่ำเสมอ และ/หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต
ส่วนกองทุนชนิดเพื่อการออมแนะนำ กองทุนจะลงทุนในบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาลที่ดีทั่วโลก ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม Global Sustainable Growth Equity (KT-GESG-SSF) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Schroder International Selection Fund Global Sustainable Growth (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายบริหารแบบเชิงรุก โดยจะเน้นลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนในตราสารทุนหรือหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนของบริษัททั่วโลกที่มีหลักธรรมาภิบาลที่ดีตามเกณฑ์ของผู้จัดการการลงทุน
เวียดนามมีอนาคต
นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสจากการลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยมองว่าเวียดนามจะยังคงเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆจากการเติบโตในภาคการผลิต การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) นโยบายการกระตุ้นจากภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งเวียดนามยังมีศักยภาพการเติบโตโดดเด่นระดับแถวหน้าของภูมิภาคและของโลก ด้วยความได้เปรียบด้านโครงสร้างประชากรวัยทำงาน ค่าแรงยังไม่สูงทำให้ต้นทุนการผลิตถูก ขณะรัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปและพัฒนาหลายด้าน จึงได้แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดเพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-VIETNAM RMF) และกองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดเพื่อการออม (KT-VIETNAM-SSF) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียน และ/หรือบริษัทที่ดําเนินธุรกิจ หรือมีรายได้หลัก และ/หรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากประเทศเวียดนาม
เฮลธ์แคร์ ไปต่อ
และอีกกองทุนที่มีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-HEALTHC RMF) และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-HEALTHCARE-SSF) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Janus Henderson Global Life Sciences Fund (Master Fund) เพียงกองเดียว
โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Sciences) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงบริการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสังคมผู้สูงวัยในอนาคต ทำให้ธีมการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เหมาะสมกับการลงทุนในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาหุ้นกลุ่มสุขภาพที่ยังมีความน่าสนใจ เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งวิ่งนำไปไกลด้วยกระแส AI จนหลายตัวอาจจะแพงเกินมูลค่าแล้ว ประกอบกับกลุ่ม Health Care เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างทนทานภาวะเศรษฐกิจ มีปัจจัยขับเคลื่อนระยะยาว