โกษาปาน : เมื่อรูปปั้นแห่งการเริ่มสัมพันธ์อยุธยา-ปารีส 334 ปีก่อน หายไป 1 คืนในฝรั่งเศส
รูปปั้นเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชทูตแห่งสยามซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ถนนสยาม (Rue de Siam) เมืองแบรสต์ ประเทศฝรั่งเศส ถูกนำกลับมาคืนไว้ที่เดิมแล้วเมื่อกลางดึกวันที่ 28 มิ.ย. (ตามเวลาในฝรั่งเศส) หลังจากหายไปจากฐานอนุสรณ์สถานแห่งมิตรไมตรีเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.
พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับโครงการจัดสร้างรูปหล่อโกษาปานเมื่อปี 2562 ในโอกาส 333 ปี การเดินทางจากสยามประเทศสู่ฝรั่งเศสของคณะราชทูตสยาม ให้ข้อมูลกับบีบีซีไทยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 มิ.ย. (ตามเวลาในประเทศไทย) ว่า รูปปั้นเจ้าพระยาโกษาธิบดีได้หายไปจากที่ประดิษฐานเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. คาดว่าถูกขโมย ในเวลาต่อมาของวันที่ 29 มิ.ย. เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงปารีส ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการเมืองแบรสต์ ว่ามีผู้นำรูปปั้นมาคืนที่ฐานเดิมเมื่อกลางดึกวันที่ 28 มิ.ย.
"รูปปั้นไม่มีความเสียหาย แต่ตั้งหันหน้าผิดทิศ เข้าใจว่าผู้ก่อเหตุนำกลับมาคืนด้วยความรีบเร่ง ทำให้ตั้งหันหน้าผิดทิศ" พล.ต.ต.ญาณพงศ์กล่าวและให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ศาลาว่าการเมืองแบรสต์ได้ตัดสินใจนำรูปปั้นพระยาโกษาธิบดีซึ่งทำจากบรอนซ์ มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาทไปเก็บรักษาที่ศาลาว่าการเมืองก่อน ระหว่างที่ทางเมืองแบรสต์จัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงฐานอนุสรณ์สถานให้สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 7,000-10,000 ยูโร (ประมาณ 243,000-348,000 บาท)
https://www.facebook.com/ThaiEmbassyParis/photos/a.136498720102366/993760197709543/
- เปิดเอกสารรัฐบาลอังกฤษว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง 24 มิ.ย. 2475 และความขัดแย้งของผู้ก่อการ
- สำรวจความคิด “คณะราษฎร” ผ่านมรดกทางวัฒนธรรม
- เหลนกษัตริย์เมียนมาจี้ไทยหยุดฉาย “เพลิงพระนาง”
- เชื้อพระวงศ์ "คองบอง" ทายาทกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า
ราชทูตผู้นี้ไปทำอะไรที่ฝรั่งเศสเมื่อกว่า 333 ปีที่แล้ว
ข้อมูลจากเว็บไซต์นิตยสารศิลปวัฒนธรรมระบุว่า คณะทูตที่พระวิสุทสุนทร หรือ โกษาปาน เป็นหัวหน้าในการเดินทางไปยังฝรั่งเศสเมื่อปี 2228 นั้นถือเป็น "คณะทูตยุคบุกเบิกของสยาม" โดยก่อนหน้านั้นมีการติดต่อค้าขายกับจีนและอินเดีย และมีการทำสนธิสัญญากับโปรตุเกสเป็นชาติแรก แต่ก็ยังไม่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ
รศ. ดร. ปรีดี พิศภูมิวิถี และอาจารย์กุลชาติ ชัยมงคล ระบุในบทความ "พระราชานุกิจพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสในการรับทูตสยาม : หลักฐานใหม่จากปารีส ในโอกาส 333 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส" ว่า คณะทูตออกเดินทางจากไทยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ปี 2228 ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนโดยเรือโดยสารของฝรั่งเศสไปถึงท่าเรือเมืองแบรสต์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2229 และเดินทางต่อด้วยกระบวนรถม้าเข้ากรุงปารีส ถึง ณ พระราชวังแวร์ซายส์ วันที่ 1 ก.ย. 2229
เมืองแบรสต์ อยู่ทางตะวันตกของกรุงปารีส เป็นระยะทางราว 600 กม.
ข้อมูลประกอบนิทรรศการในเว็บไซต์ของพระราชวังแวร์ซายส์ระบุถึงการเดินทางในครั้งนั้นว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงต้องการให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงสนพระทัยให้สยามเป็นคู่ค้าของบริษัทอีสต์อินเดียของฝรั่งเศส และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ต้องการกระชับความแน่นแฟ้นให้มากขึ้นอีกหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแล้ว
ด้านพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ต้องการให้สยามเป็นเครื่องยืนยันว่าฝรั่งเศสไม่ได้มีอิทธิพลแค่ในยุโรป และจะช่วยให้ฝรั่งเศสมีความสำเร็จทางการค้าเหนือฮอลแลนด์ ซึ่งมีอิทธิพลในเอเชียเป็นอย่างมากในตอนนั้น
รศ. ดร. ปรีดี พิศภูมิวิถี ระบุในบทความ "333 ปี เมื่อโกษาปานไปฝรั่งเศส" ซึ่งตีพิมพ์ในเว็บไซต์มติชนเมื่อ ส.ค. ปีที่แล้วว่า โกษาปานพำนักอยู่ที่เมืองแบรสต์อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะทรงจัดขบวนรถม้ามารับและทรงสั่งให้เจ้าเมืองต่าง ๆ ช่วยดูแลเรื่องที่พักและอาหารระหว่างที่คณะราชทูตสยามเดินทางเข้ากรุงปารีส
รศ. ดร. ปรีดี ระบุในบทความอีกว่า ต่อมาในวันที่ 1 ก.ย. ปี 2229 โกษาปานนำคณะราชทูตเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ ท้องพระโรงกระจก พระราชวังแวร์ซายน์ โดยพระราชานุกิจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 บันทึกเหตุการณ์ ณ วันนั้นว่า
"คณะทั้งหมดเดินตัดผ่านห้องพระตำหนักจนถึงพระทวารทางเข้าท้องพระโรง บรรดาขุนนางสยามเมื่อแลเห็นพระเจ้าแผ่นดินประทับอยู่แต่ไกลๆ บนพระโธรน ก็ถวายความเคารพโดยไม่ถอดลอมพอกออก พวกเขาประนมมือยกขึ้นในระดับปาก อันเป็นการแสดงความเคารพ แล้วก็โน้มตัวลงไปข้างหน้าอย่างต่ำที่สุด แล้วยกตัวขึ้นมาใหม่ ทำซ้ำ 3 หน จากนั้นค่อยขยับเข้าไปทีละน้อยจนใกล้ถึงพระโธรนที่ประทับ เมื่อถึงฐานล่างพวกเขาก็คุกเข่า และถวายบังคับ 3 ครั้ง เฉพาะพักตร์ แล้วนั่งราบอยู่เช่นนั้นตลอดเวลาที่เข้าเฝ้า"
ข้อมูลนิทรรศการของพระราชวังแวร์ซายส์ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้วก็ระบุถึงเหตุการณ์วันที่ 1 ก.ย. ปี 2229 ไว้เช่นกัน โดยรวบรวมจากเอกสารและคำบอกเล่าว่า คณะราชทูตสยามตื่นตาตื่นใจกับธรรมเนียมแปลก ๆ และความมั่นใจในตัวเองของคนฝรั่งเศส และพระราชวังแวร์ซายน์ เป็นสวรรค์ที่มีคนแต่งตัวอย่างหรูหรา มีท่าทีที่ดูภูมิใจในตัวเองและก็ดูแปลกตา
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงประทับอยู่บนที่นั่งที่สูงขึ้นไป 9 ขั้นบันได พร้อมกับพระโอรส และขุนนาง ประดับกายด้วยทองและหินมีค่า คณะราชทูตสยามใช้เวลา 4 วันในการรวบรวมของขวัญที่นำมาถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการเลือกสรรจากของมีค่าในสยาม
ข้อมูลจากเว็บไซต์พระราชวังแวร์ซายส์ระบุอีกว่า โกษาปาน บอกว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงไม่ประทับใจกับของขวัญที่พวกเขานำมาถวายนัก
"เป็นงานยากที่จะเจรจาธุรกิจกับชาติที่ต้องการข้อตกลงทางการค้าแบบผูกขาด ต้องการเปลี่ยนให้กษัตริย์ของเราไปนับถือศาสนาที่มีพระเจ้าองค์เดียว… อย่างไรก็ดี การเจรจาของเราก็เป็นไปด้วยดี และก็หวังว่าการพบปะพูดคุยในครั้งต่อไปจะได้ผลมากกว่านี้" นี่คือคำพูดของโกษาปาน ที่ผู้จัดนิทรรศการแต่งขึ้นโดยอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการเข้าใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ดี ข้อมูลนิทรรศการนี้บอกว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ถือว่าล้มเหลว หลังสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต พระเพทราชาปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง และทรงตัดความสัมพันธ์กับต่างชาติทั้งหมดยกเว้นกับฮอลแลนด์
ส.สีมา เขียนในบทความ "เล่าเรื่อง พระเพทราชา ตกกระไดพลอยโจน" บนเว็บไซต์นิตยสารศิลปวัฒนธรรมว่า พระราชกรณียกิจทางการเมืองอย่างหนึ่งของสมเด็จพระเพทราชาคือ "กรณีขับไล่กองทหารฝรั่งเศสจากป้อมบางกอกให้พ้นจากสยาม"