รัฐบาลชะลอมาตรการให้แรงงานกัมพูชาอยู่ต่อ สถานการณ์ขาดแรงงานในไทยยังวิกฤตแค่ไหน ?

หลังสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาเกิดขึ้น นอกจากการปิดด่านบริเวณชายแดนแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์ที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมาก เดินทางออกจากไทย จนทำให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการขาดแคลนแรงงาน และยังไม่ได้รับการเยียวยา
ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้สั่งชะลอการลงนามในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรีชุดก่อนเสนอไว้ โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
TNN Online ได้พูดคุยกับอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการชะลอการลงนาม ไปถึงสถานการณ์หลัง 3 เดือนที่แรงงานกัมพูชาเดินทางออกจากไทยหลายแสน ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ?
อดิศรชี้ว่า การชะลอนี้จะกระทบแน่ๆ เพราะที่ผ่านมา สถานการณ์แรงงานข้ามชาติได้รับผลกระทบมาสักพักแล้ว โดยชี้ว่า ที่ผ่านมา แรงงานกัมพูชาในไทยอยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนคนที่ได้รับใบอนุญาตทำงาน ซึ่งช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ได้หายไปถึง 90% ทำให้เหลืออยู่ในไทยประมาณหนึ่งแสน
“มาตรการของรัฐบาล คือการทดแทน 2 แบบ คือให้ผู้ลี้ภัยในแคมป์ทำงาน แต่ว่าผู้ลี้ภัยในแคมป์ก็มีจำนวนจำกัดอยู่แล้ว ที่ประมาณ 40,000 คน ซึ่งก็ทดแทนได้บางส่วน และอีกอันคือ ที่มีมติ ครม.รองรับไปแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการก็คือนำเข้าแรงงานจากต่างชาติเข้ามา แต่ก็ยังไม่มีกระบวนการนำเข้า ยังไม่ได้มีการทำข้อตกลงจ้างงานร่วมกันอย่างเป็นทางการ”
อดิศรเล่าว่า จากการขาดแคลน ทำให้นายจ้างส่วนใหญ่ต้องใช้แรงงานผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะจากเมียนมา ลาว หรือเวียดนามที่อยู่ในไทย ที่ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตน่ะทำงานแทนไปก่อน ทั้งยังมองว่า คาดว่ามติ ครม.ที่จะออกมานั้น จะเปิดการเปิดให้จดทะเบียนใหม่ แต่ถึงอย่างนั้น แรงงานแต่ละชาติก็มีปัญหาที่แตกต่างกันที่ทำให้การแทนแรงงานกัมพูชาอาจเป็นไปไม่ได้เต็มที่
เมียนมา: มีโอกาสสูง เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและการเกณฑ์ทหารในประเทศต้นทาง
ลาว: รัฐบาลลาวเน้นให้คนทำงานในประเทศเป็นหลัก ทั้งส่วนมากเองก็มาไทยแล้ว เหลือเพียงแค่ส่วนน้อย อาจไม่ตอบโจทย์การทดแทนแรงงานกัมพูชามากนัก
เวียดนาม: มีเงื่อนไขแตกต่าง ต้องมีหนังสือเดินทางและมีปัญหาเรื่องวีซ่า ทำให้การนำเข้าแรงงานเวียดนามมีข้อจำกัด
ศรีลังกา: มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า และอาจมีปัญหาเรื่องการปรับตัวและความคุ้นชิน
ตัวแทนของเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ยังมองอีกว่า หากรัฐบาลใช้วิธีจดทะเบียนทดแทนนั้น ก็อาจจะทดแทนได้ในกิจการที่มีการจ้างต่อเนื่อง อย่างเช่น ก่อสร้าง งานบริการ หรืองานโรงงาน แต่ถ้าเป็นกิจการที่มีการจ้างงานระยะสั้นของฤดูกาล เช่น ภาคเกษตรอย่างไร่อ้อย เขาไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะงานเหล่านี้มีระยะเวลาการจ้างงานไม่เกิน 6 เดือน
ทั้งที่ผ่านมา เมื่อขาดแรงงานกัมพูชาแล้ว นายจ้างเองก็มีการจ้างแรงงานเมียนมา หรือลาวมาทดแทน แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องการปรับตัวของแรงงานที่ไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมด
การแก้ปัญหาของภาครัฐ ที่ต้องมองมากกว่าแค่การเติมแรงงาน
การแถลงของรัฐบาล ชี้ว่าจากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีแรงงานสัญชาติกัมพูชาเกือบ 1 แสนคน ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2568 และไม่สามารถยืนยันตัวตนหรือที่อยู่ได้อย่างชัดเจน หากอนุญาตให้อยู่ต่อโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงปัญหาการลักลอบเข้าเมืองหรืออาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งหากกลุ่มนี้ ไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่ออย่างที่รัฐบาลก่อนเสนอไว้นั้น อดิศรชี้ว่า จะมีปัญหาที่คนกลุ่มนี้ก็จะไม่สามารถทำงานในประเทศไทยได้ รวมไปถึงประเด็นทางกฎหมายว่าอยู่เกินวีซ่า 90 วันขึ้นไป ก็จะถูกห้ามเข้าประเทศไทย 3 ปี และจะมีส่วนเงื่อนไขที่อาจจะทำงานต่อในระยะยาวไม่ได้
อดิศรตั้งคำถามว่า เพราะเรายังพึ่งพาแรงงานกัมพูชา แต่เราจะอยู่กันด้วยสถานการณ์แบบนี้กันไปอีกนานแค่ไหน หากตอนนี้เรายังมีการขัดแย้งกันที่ชายแดน ข้อตกลงยังไม่ลงตัว แต่เราจะอยู่ด้วยความขัดแย้งกันไปตลอด หรือแค่ชั่วคราว ซึ่งก็ต้องมีมาตรการรับรองที่จะดึงแรงงานกัมพูชากลับมา ซึ่งเขาคิดว่านายจ้างหลายคนก็ยังคงอยากจ้างแรงงานกัมพูชาอยู่
ดังนั้นเขามองว่ารัฐบาลต้องวางแผนระยะยาวควบคู่ด้วย ซึ่งหากมีการเปิดด่าน หรือการที่แรงงานกัมพูชาไหลกลับเข้ามาอีกจะมีมาตรการรองรับอย่างไร แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลระยะสั้นแค่ 4 เดือน แต่ไม่อยากให้มองแค่เรื่องทางการเมือง เพราะปัญหานี้มีผลในระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาทั้งลูกจ้าง และนายจ้างเองลำบาก และเจอวิกฤติตั้งแต่ช่วงโควิดมา และหากมีรายงานทดแทนก็อาจใช้เวลาปรับตัวอีกเป็นหลักปีถึง 2 ปี ซึ่งควรทำไปคู่กันคือหาแรงงานทดแทน และเยียวยาผู้ประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ เลย
“ช่วงที่แรงงานกัมพูชาเดินทางกลับ เป็นช่วงการต่ออายุพอดี นายจ้างหลายคนได้ออกค่าใช้จ่ายในการต่ออายุไป ผมเจอผู้รับเหมารายย่อยคนนึง มีแรงงาน 20 คน ซึ่งเดินทางกบับหมด เท่ากับว่าค่าต่ออายุที่เขาออกให้ เสียเปล่าไปเลยหลายแสน มันกลายเป็นภาระที่อยากให้มีมาตรการจากภาครัฐมาพยุงธุรกิจด้วย” อดิศรเล่า
เขายังมองอีกว่า ตอนนี้การแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แรงงานขาดก็เอามาเติม แต่ผลกระทบในระยะกลาง หรือยาวเป็นอย่างไร หากแรงงานขาดแคลนอีกใน 2-3 ปี จะต้องหามาทดแทนอีกหรือเปล่า หรือว่ากลายเป็นต้องเผชิญการแก้ปัญหาการลักลอบมาทำงานต่อของคนกลุ่มนี้ มันก็จะกลับไปสู่ระบบส่วยอีกรอบนึง ที่นายจ้างอาจเลือกใช้วิธีจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ จะได้จ้างแรงงานต่อได้ ปัญหาก็จะพัวพันไม่จบสิ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
