BH โบรกคาดผลกระทบตามฤดูกาลค่อนข้างน้อย กำไร Q2/67 ยังดี บล.กสิกรฯแนะ “ถือ” เป้า 262
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บล.กสิกรไทยมีมุมมองเป็นกลางต่อหุ้น BH คาดกำไรไตรมาส 2/ 2567 ลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY เราคาดว่า BH จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 2/2567 ที่ 1.9 พันลบ. ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10% YoY กำไรที่ลดลง QoQ น่าจะเกิดจากรายได้และอัตรากำไรที่ลดลง ส่วนการเพิ่มขึ้น YoY น่าจะได้รับแรงหนุนจากรายได้และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ประมาณการกำไรปกติครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ 3.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 17% YoY คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปีของเรา เราคาดว่าเงินปันผลระหว่างกาลจะอยู่ที่ 1.35 บาท/หุ้น โดยอิงจากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 27%
ผลกระทบตามฤดูกาลค่อนข้างน้อยในไตรมาส 2/2567เราคาดว่ารายได้จะลดลง 1% QoQ แต่จะเติบโต 7% YoY รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติน่าจะมีโมเมนตัมที่ดีขึ้นจากผลกระทบของเดือนรอมฏอน (วันที่ 8 มี.ค.- 8 เม.ย. ในไตรมาส 2/2567 ที่ต่ำกว่าไตรมาส 1/2567 และฐานรายได้ที่ต่ำในไตรมาส 2/2566 (ช่วงเดือนรอมฎอนปี 2566) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าโมเมนตัมรายได้จากผู้ป่วยไทยจะชะลอตัวลง เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาส 2 และมีวันหยุดยาวในไตรมาส 2/2567 ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะลดลง QoQแต่ยังคงขยายตัว YoY ตามแนวโน้มรายได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) น่าจะยังคงควบคุมได้ดี โดยลดลง 0.6% QoQแต่เพิ่มขึ้น 3% YoY ซึ่งเป็นอัตราที่ช้ากว่าการเติบโตของรายได้
แนวโน้มไตรมาส 3/2567 กำไรมีแนวโน้มทำจุดสูงสุดใหม่ หนุนจากช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 3 ของผู้ป่วยทั้งในประเทศและตะวันออกกลาง ทั้งนี้ รายได้ยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่อัตราการเติบโตจะชะลอลง
Valuation and Recommendation
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ถือ" BH ราคาเหมาะสม 262 บาท คาดว่าผลกระทบตามฤดูกาลจะมีเพียงเล็กน้อยต่อผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของ BH ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้นรายได้ของ BH มีการเติบโตในอัตรา 7-8% มาสามไตรมาสติดกัน และมีแนวโน้มลดลงใน 2H67 นอกจากนี้ข้อจำกัดด้านจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วย และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดคนไข้ต่างประเทศ จะทำให้การรักษาอัตราการเติบโตที่ 7-8% ในระยะกลางถึงยาวเป็นเรื่องที่ท้าทาย ทั้งนี้ BH จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ในวันที่ 8 ส.ค. ขณะที่ upside risk ได้แก่ รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่สูงกว่าคาด ส่วน downside risk คือ เศรษฐกิจที่อ่อนแอในตะวันออกกลาง การประหยัดต้นทุนและการประหยัดต่อขนาดที่ลดลง รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงกว่าคาด
บล.ทิสโก้ คาดว่ากำไรใน Q2/67F จะอยู่ที่ 1.97 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%YoY แต่ทรงตัว QoQ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยไทยที่ลดลง เนื่องจาก BH มีสัดส่วนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรายได้รวม (25% ของรายได้ทั้งหมดของ BH)
ฝ่ายวิจัยคาดว่าการกลับมาของกลุ่มนี้หลังเทศกาลรอมฎอนจะช่วยชดเชยรายได้จากผู้ป่วยไทยที่อ่อนตัวลงตามฤดูกาล การกลับมาของผู้ป่วยตะวันออกกลางควรช่วยให้ EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้น YoY ใน Q2/67 ยังคงมองในแง่ดีต่อแนวโน้ม การเพิ่มจำนวนเตียง ICU ใน Q2/67 ควรทำให้โรงพยาบาลมีพื้นที่รองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น สุดท้ายผลกระทบจากการขยายตัวของ VitalLife ภูเก็ตควรมีน้อยมาก เนื่องจากเป็นเพียงการดำเนินงานขนาดเล็กสำหรับบริการผู้ป่วยนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าใน 2H67 จะดีขึ้นอีก บล.ทิสโก้คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ BH โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 285.00 บาท
คาดว่ารายได้จะทรงตัว QoQ โดยมีแรงหนุนจากผู้ป่วยต่างชาติรายได้หลักจะเติบโต 10% YoY แต่จะทรงตัว QoQ ใน Q2/67F รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยควรชะลอตัวลง QoQ เนื่องจากปริมาณผู้ป่วยที่ลดลงตามฤดูกาล ดังนั้น รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับการเติบโต YoY โดยมีโมนเมนตัมที่ดีจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง ในด้านราคา และคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นโดยรวม 6.6% YoY ตามการปรับราคาในเดือนกรกฎาคม 2566 (2%) และมกราคม 2567 (4%)
EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้น YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติคาดว่า EBITDA margin จะอยู่ที่ 39.8% ใน Q2/67 เทียบกับ 38.3% ใน Q2/66 และ 40.6% ใน Q1/67 การลดลงเล็กน้อย QoQ คาดว่าจะมาจากการลดลงของผู้ป่วยชาวคูเวต ในขณะที่การปรับตัวดีขึ้น YoY สะท้อนถึงจำนวนวันของเดือนรอมฎอนที่น้อยลงใน Q2/67 เมื่อเทียบกับ Q2/66
คาดการณ์ไตรมาสที่แข็งแกร่งขึ้นใน Q3/67 โดยกำไรจะสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลที่แข็งแกร่ง ปริมาณผู้ป่วยจากตะวันออกกลางควรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Q2/67 เนื่องจากใน Q2 ยังมีวันหยุดเดือนรอมฎอนอีก 10 วัน มูลค่าหุ้นยังคงน่าสนใจ คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมที่ 285.00 บาท