เซ็นทรัลพัฒนา โชว์ปี’64 กำไร 7,148 ล้าน - เดินหน้าแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสต่อเนื่อง
น.ส.นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ “CPN” กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี 2564 มีรายได้รวม 28,977 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,148 ล้านบาท
“ปี 2564 เป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับเซ็นทรัลพัฒนาจากผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน และการดำเนินธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมตลอดทั้งปี เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบเป็นบางช่วง แต่ด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ที่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อผลการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด และเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2564 แม้จะปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับที่บริษัทคาดหวังไว้
นอกจากนี้ ยังดูแลให้ความช่วยเหลือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง อาทิ ผู้เช่าและผู้ประกอบการ ทั้งลดค่าเช่าและช่วยเหลือตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง, การเพิ่มสภาพคล่องให้คู่ค้า สนับสนุนให้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูกับพันธมิตรธนาคารชั้นนำ, การจัดแคมเปญช่วยผลักดันยอดขายร้านค้าทุก Category รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง CRM Tool และแอพพลิเคชั่นช่วยเหลือผู้เช่าอย่างครบวงจร ลูกค้า อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าพร้อมช่วยเหลือผู้เช่าในช่วงเวลาล็อกดาวน์ด้วยแพลตฟอร์ม Central Connect เชื่อมโยงทุกบริการในศูนย์การค้าและช่องทางการขายแบบ Omnichannel ทั้ง Call-Click-Chat, Drive-Thru และ Delivery services เป็นต้น
สำหรับ ชุมชนและประเทศชาติ ช่วยเหลือ SMEs เกษตรกรและกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ด้วยการเปิดพื้นที่ฟรีให้ขายสินค้า, จัดแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจ “ไทยช่วยไทย” อย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนการกิน-ช็อป-ใช้-เที่ยวไทย และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ รวมทั้งยังให้ความร่วมมือกับภาครัฐ สร้างต้นแบบศูนย์การค้าปลอดภัยสำหรับจุดฉีดวัคซีนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 23 สาขาทั่วประเทศ เพื่อช่วยกระจายวัคซีนให้กับประชาชนอีกด้วย
สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2565 เซ็นทรัลพัฒนา ยังคงเดินหน้าลงทุนเปิดโครงการใหม่ตามแผนที่วางไว้ โดยในปีนี้มีกำหนดเปิดโครงการใหม่ “เซ็นทรัล จันทบุรี” ภายในไตรมาสที่ 2 และการปรับปรุงพลิกโฉมศูนย์การค้าเดิม อาทิ เซ็นทรัลเวิล์ด เซ็นทรัล พระราม 2 และเซ็นทรัล รามอินทรา เป็นต้น
ประกอบกับเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ อาทิ อาคารสำนักงาน โรงแรม และที่พักอาศัย เพื่อต่อยอดแนวคิดความเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนภายใต้โครงการมิกซ์ยูส นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไปอีกด้วย
สำหรับแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทฯ ได้มีการปรับแผนการลงทุน และแผนพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนบริษัทฯ ยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน