รีเซต

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งเหวสุดในประวัติการณ์ สารพัดปัจจัยลบรุม รัฐคุมโควิดไม่อยู่-ฉีดวัคซีนช้า ลุ้นล็อกดาวน์

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งเหวสุดในประวัติการณ์ สารพัดปัจจัยลบรุม รัฐคุมโควิดไม่อยู่-ฉีดวัคซีนช้า ลุ้นล็อกดาวน์
ข่าวสด
8 กรกฎาคม 2564 ( 14:48 )
70

 

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งเหวสุดในประวัติการณ์ สารพัดปัจจัยลบรุม รัฐบาลคุมโควิดไม่อยู่ ฉีดวัคซีนช้า ลุ้นล็อกดาวน์รับระลอก 4

 

 

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งเหว - นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิ.ย. 2564 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 44.7 เป็น 43.1 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 272 เดือนหรือ 22 ปี 8 เดือนนับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนต.ค. 2541 เป็นต้นมา

 

 

 

การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

 

 

 

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 29.2 มาอยู่ที่ 28.1 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 267 เดือนหรือ 22 ปี 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2542 เป็นต้นมา แสดงว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแย่มากในมุมมองของผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน โดยปรับตัวลดลงจากระดับ 52.0 มาอยู่ที่ระดับ 50.1 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 273 เดือนหรือ 22 ปี 9 เดือนนับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนต.ค. 2541 เป็นต้นมา และอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าปกติ (คือ 100) สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในอนาคต

 

 

 

“ประชาชนมีความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของในประเทศไทยในรอบที่ 3 ประกอบกับความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลงและการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ล่าช้าส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนักและขาดแรงกระตุ้นในการฟื้นตัว แม้ว่ามาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการ “เราชนะ” และโครงการต่างๆ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ปรับตัวดีขึ้นทั่วประเทศในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม”

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามของการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในเดือนมิ.ย. เป็นต้นไป การแพร่กระจายของโควิดรอบที่ 4 ว่าจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และรัฐบาลจะมีการประกาศ Lockdown หรือไม่และอย่างไร ตลอดจนรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มเติมหรือไม่และมากน้อยเพียงใด จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวใกล้เคียง 0-2% ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง