WHAUP ปักธงเวียดนาม จ่อซื้อโซลาร์50เมกะวัตต์
ทันหุ้น –สู้โควิด –WHAUP เจรจาซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม 2-3โครงการ กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ลุยศึกษาทำโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ตั้งเป้าขยาย 30 เมกะวัตต์ คาดธุรกิจไฟฟ้าปีนี้และปีหน้าเติบโต 5%ส่วนธุรกิจจำหน่ายน้ำปีนี้คาดว่าปริมาณการขายทั้งปีที่ 120-130 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดปีหน้าเติบโต 10%ศึกษาขยายโครงการน้ำในประเทศเวียดนามต่อเนื่อง
ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจมีการเติบโตทั้งสองกลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำ โดยสัดส่วนรายได้มาจากทั้งสองส่วน 50:50โดยกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าบริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ในหลายส่วนทั้งการขยายโครงการโซลาร์รูฟท็อป คาดว่าสิ้นปีนี้จะติดตั้งได้ราว 40 เมกะวัตต์ และปี 2564 จะติดตั้งได้ราว 30 เมกะวัตต์ และปี 2565 มั่นใจว่าจะมีสัญญาการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้กว่า 100 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้
*ดีลซื้อโซลาร์เวียดนาม
นอกจากนี้ยังมีความสนใจที่จะทำโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างการปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าปีหน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจน โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะขยายกำลังการผลิตให้ได้ 30 เมกะวัตต์ โดยโครงการดังกล่าวจะขายไฟฟ้าให้แก่ภาครัฐ 100%
พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาซื้อกิจการ (M&A) โซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม 2-3 โครงการ กำลังการผลิตเบื้องต้น 50 เมกะวัตต์ แต่ก็มองโอกาสในการเข้าลงทุนเองด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตรผลตอบแทน (IRR) ที่ต้องได้รับอย่างน้อย 9% และบริษัทมีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนมีกระแสเงินสดในมือ และยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินได้อีก เพราะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ที่ต่ำเพียงระดับ 0.9 เท่า โดยนโยบายจะรักษาให้ไม่เกินระดับ 2.5 เท่า
*ธุรกิจน้ำโต 10%
ด้านธุรกิจการผลิตและจำหน่ายน้ำ ปีนี้คาดว่าปริมาณการขายน้ำอยู่ที่ 120-130ล้านลูกบาศก์เมตร จากความต้องการใช้งานน้ำที่ฟื้นตัวขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อีกทั้งบริษัทได้ขยายการให้บริการน้ำที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ทั้งน้ำดีมีน รวมถึงน้ำหมุนเวียน (Reclaim Water) เป็นต้น
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการน้ำปะปาในประเทศเวียนามเพิ่ม ซึ่งยังมีความต้องการใช้งานจำนวนมากสอดคล้องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการในธุรกิจสาธารณูปโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปีหน้าคาดว่าธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำจะเติบโตได้ 10%
*กำไรโต 8% อีก 3 ปีข้างหน้า
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุถึง WHAUP ว่าเชื่อว่ากำไรจะเติบโต 8% ต่อปีในช่วงปี 2563-2565 จากการขยาย Solar Rooftop จาก 6 เมกะวัตต์ เป็น 100 เมกะวัตต์ และการเติบโตที่รวดเร็วของความต้องการน้ำประปาที่บริษัท Duong River ในเวียดนามและความต้องการใช้นำภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยจากลูกค้ารายใหญ่
นอกจากนี้ยังเห็นการเติบโตไปพร้อมกับการขยายนิคมอุตสาหกรรมของ WHA และโอกาส M&A ในเวียดนาม บริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ดำเนินงานแล้ว 3 โครงการ มีกำลังการผลิตแห่งละ 50-250 เมกะวัตต์ และบริษัทยังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการน้ำและการบำบัดน้ำเสียที่ เวียดนาม การลงทุนเหล่านี้จะส่งเสริมการเติบโตของกำไรในอนาคต ไม่ได้รวมในประมาณการ ทั้งนี้ประเมินมูลค่า WHAUP ที่ 5 บาทต่อหุ้น (2.8 บาทต่อหุ้นจากธุรกิจน้ำและ 2.3บาทต่อหุ้น จากธุรกิจพลังงาน)