ตร.พร้อมรับมาตการผ่อนคลาย สั่งเข้มตรวจทุกพื้นที่สุ่มเสี่ยง ขู่จนท.ละเลยเจอฟันวินัย-อาญา
ตร.พร้อมรับมาตรการผ่อนคลาย สนองนโยบายรัฐบาล สั่งเข้มตรวจตราทุกพื้นที่สุ่มเสี่ยง หากพื้นที่ใดปล่อยปละละเลยจะเจอเอาผิดทั้งวินัย-อาญา
ตามที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ลงนามในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 24) และออกประกาศตามราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 138 ตอนพิเศษ 133 ง วันที่ 19 มิ.ย. 2564 ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.64 เป็นต้นไปนั้น
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2564 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับแนวทางการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนมาตรการผ่อนคลายที่จะมีผลในวันที่ 21 มิ.ย. 2564 พล.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร พร้อมที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิดดิประภัสร์ รอง ผบ.ตร รับผิดชอบด้านความมั่นคงดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ด้วยการสั่งการให้ทุกหน่วยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการจัดกำลังสายตรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ออกปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยร่วมปฏิบัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบการกระทำของบุคคล สถานที่ หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดในทุกพื้นที่
โดยให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเพื่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกทั้งขอให้เข้มงวดในการตรวจตราจุดที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิด โดยเฉพาะการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล เนื่องจากยังคงอยู่ในห้วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 และการลักลอบจำหน่ายสุรา พร้อมกำชับข้าราชการตำรวจทุกนายห้ามมีส่วนข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิดทุกรูปแบบไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม
หากตรวจสอบพบว่าพื้นที่ใดปล่อยปละละเลยหรือหย่อนยาน จะพิจารณาดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับต่อไปไม่มีข้อยกเว้น อีกทั้ง ผบ.ตร ขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่ทุ่มเทเสียสละแรงกายแรงใจในการปฏิบัติหน้าที่เสมอมา และขอให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไป
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ถึงแม้จะมีมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมและสถานที่ต่างๆ มากขึ้นแต่ก็ขอให้พี่น้องประชาชนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจาก เคหสถานหรือเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หมั่นล้างมือ อยู่เสมอ หลีกเสี่ยงการอยู่ในที่แอฮัดหรือที่ที่ลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ และขอให้ติดตามประกาศต่างๆ จากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดต่างๆ สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ไต้ตลอด 24 ชั่วโมง