รีเซต

คลังย้ำปีเสือแห่งความหวัง ฝันหวานเศรษฐกิจโต 4.5% อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวโงหัว แต่ห่วงเงินเฟ้อพุ่ง

คลังย้ำปีเสือแห่งความหวัง ฝันหวานเศรษฐกิจโต 4.5% อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวโงหัว แต่ห่วงเงินเฟ้อพุ่ง
ข่าวสด
20 มกราคม 2565 ( 16:01 )
65
คลังย้ำปีเสือแห่งความหวัง ฝันหวานเศรษฐกิจโต 4.5% อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวโงหัว แต่ห่วงเงินเฟ้อพุ่ง

ข่าววันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “แรงขับเคลื่อนประเทศไทยในศักราชใหม่ 2022” ในงานสัมมนา ศักราชใหม่… ความหวัง (หรือแค่ฝัน) ประเทศไทย 2022 ว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.5-4.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญ จากภาคการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนภาคเอกชน และภาคการผลิตด้วย

 

รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ปีนี้คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีกับแรงงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐ รวมกว่า 1.9 ล้านล้านบาท จากงบลงทุนในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 6 แสนล้านบาท งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 3 แสนล้านบาท และเม็ดเงินจากการให้สัมปทานการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ซึ่งมีการลงทุนในโครงการสำคัญ อาทิ โครงการก่อสร้างสนามบิน ท่าเรือ เป็นต้น อีกกว่า 1 ล้านล้านบาท

 

ส่วนความท้าทายในปี 2565 ได้แก่ 1. การคงอยู่ของโควิด-19 โดยเฉพาะบทบาทของสายพันธุ์โอมิครอน ที่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะระบาดนานแค่ไหน แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างแน่นอน แต่หากรัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดโดยจำกัดพื้นที่การระบาดได้ เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น และคลี่คลายไปได้ ควบคู่ไปกับการเร่งฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง

 

2. การขาดแคลนแรงงาน ที่คาดว่าอาจจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคการท่องเที่ยว และ 3. ปัญหาอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นสถานการณ์ชั่วคราวในช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้น จากราคาอาหารและราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น

 

“จีดีพีไทยปีที่แล้วที่ประเมินว่าจะโต 1% อาจจะต่ำกว่าที่คาด เพราะโควิด-19 ไม่ได้หายไปทั้งหมด ยังวนเวียนกลับมารอบ 3-4-5 ซึ่งรัฐบาลพยายามเร่งควบคุมปัญหาดังกล่าวอยู่ ส่วนสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น เชื่อว่าจะเป็นเรื่องชั่วคราว โดยในปีนี้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 1-3% เป็นเรื่องที่คลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องร่วมมือกันดูไม่ให้อัตราเงินเฟ้อเกิน 3% บางช่วงอาจจะอยู่เกือบ 3% หรือเกินไปบ้าง ยังไม่สามารถทราบแน่ชัด ขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลราคาอาหาร แต่ยืนยันจะดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่กำหนด ส่วนราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น มีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันอยู่ โดยเฉพาะดีเซลซึ่งมีผลต่อภาคขนส่ง ตามนโยบายคือ ควบคุมราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และจะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาตรึงราคาดีเซลต่อไป”นายอาคม กล่าว

 

นายอาคม กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรักษาระดับการบริโภคภาคประชาชนนั้น รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการคนละครึ่ง เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินมาแล้ว 3 ระยะ และกำลังจะเริ่มระยะที่ 4 โดยมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเริ่มเร็วขึ้น จากเดิมกำหนดวันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย. เป็นวันที่ 14 ก.พ. นี้ จะเปิดให้มีการลงทะเบียน และวันที่ 21 ก.พ. 2565 เริ่มใช้จ่าย เพื่อรักษาระดับการบริโภคภาคประชาชน

 

“ที่ถามกันว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งความหวังหรือความฝันนั้น จริงๆ แล้วผมก็อยากให้เป็นเรื่องของความหวัง เพื่อที่จะได้มีแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยโตได้ในระดับ 3.5-4.5% นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลมีความตั้งใจในการดูแลเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป” นายอาคม กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง