เหยื่อ ร่างทรง แจ้งความแล้ว หลังถูกหลอกโอนเงินล้าน ที่ดินอีก 6ไร่

ทนายโนบิ พาหญิงถูก ร่างทรง หลอกโอนเงินเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังสูญเงิน 1.2 ล้าน ที่ดิน 6 ไร่ เหยื่อ เผย เป็นบทเรียน-แฉกลลวง

จากกรณีหญิงอายุ 46 ปี ชาว จ.ราชบุรี ถูกหญิงที่อ้างตัวว่าเป็นร่างทรงท้าวเวสสุวรรณ เจ้าแม่กวนอิม ญาณทิพย์ของหลวงปู่โต และหลวงปู่แหวน หลอกขอยืมเงินไปกว่า 1 ล้านบาท ปัจจุบันต้องแบกรับภาระหนี้สินรวมกว่า 2 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายได้ร้องเรียนไปยัง หมอปลา มือปราบสัมภเวสี เพื่อขอให้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหมอปลาและทีมงานพร้อมสื่อมวลชนได้พาหญิงสาวคนดังกล่าวไปที่บ้านของร่างทรงเพื่อทวงเงินและที่ดินคืน จนเกิดมีปากมีเสียงกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

วันที่ 19 พ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่สภ.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนายโนบิตะ ทนายความ พา นางนันท์ (นามสมมติ) อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ศุภสิทธิ์ พุ่มพะเนิน พนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.นาท (นามสมมติ) ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงปู่ท้าวเวสสุวรรณ และได้หลอกผู้เสียหายโอนเงินรวม 1,200,000 บาท และที่ดิน 6 ไร่ ทำให้นางนันท์ได้รับความเสียหาย

นายกฤษฎา กล่าวว่า ตนพาผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน และพบกับทาง ผกก. และ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง มาฟังเรื่องราวด้วยตนเอง ซึ่งทั้งสองท่านมอบหมายให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำเบื้องต้น แล้วหลังจากสอบปากคำก็จะมีในส่วนให้ผู้เสียหายรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำมามอบให้พนักงานสอบสวน หากพนักงานสอบสวนพิจารณาพยานแลหลักฐานที่เพิ่มเติมแล้ว ทราบว่าเป็นความผิดฐานใดบ้าง และจะมีการสอบสวนดำเนินคดีเกี่ยวกับฐานความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายรายอื่นที่มีการติดต่อเข้ามาบ้าง ทราบว่าตอนนี้อาจจะมี 1-2 รายแล้ว แต่สำหรับท่านใดที่ได้รับความเสียหายจากกรณีการถูกหลอกลวงในเคสของร่างทรง ที่คิดว่าตัวเองได้รับความเสียหาย สามารถติดต่อมาทางเพจหมอปลาช่วยด้วย หรือเพจทนายโนบิเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือตรงนี้ได้เช่นกัน

ด้าน นางนันท์ กล่าวว่า ลักษณะของการหลอกลวงคือเป็นการเชิญองค์มาประทับร่างและพูดเหมือนพูดเชิงว่า สิ่งที่เราให้ความช่วยเหลือดูแลร่าง เหมือนเขาจะให้มีเรื่องโชคลาภ ชีวิตเราลำบากอยากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ประกอบกับทางร่างให้เราช่วยเขาในเรื่องการดำเนินชีวิตและเราก็เลยหลงเชื่อ เมื่อก่อนก็ไม่คิดที่จะหลงเชื่อแบบนี้ แต่ด้วยการที่เราอยู่กับเขามานานและได้รับการปลูกฝังในการสร้างบุญสร้างกุศลและต้องเอาองค์เทพมาส่วนหนึ่งให้เราเชื่อ มันก็เลยเกิดความเชื่อและก็หลงไปตรงนั้น

 

"กรณีที่มีผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่งต้องสูญเสียบ้าน จากที่เรารู้คือ เพราะร่างทรงเคยเล่าให้ฟังว่าเดิมทีบ้านหลังนี้เป็นของลูกศิษย์ ทุกวันนี้ลูกศิษย์คนนี้ก็ยังอยู่ข้างกาย จากที่เขามีเงินเดือน 50,000 บาท ด้วยความศรัทธาของหญิงคนนี้ได้ให้เงินเดือนใช้เดือนละ 20,000 บาท กระทั่งลูกศิษย์คนนี้ประสบปัญหาภาวะเรื่องการเงิน และร่างทรงก็ไปซื้อบ้านหลังนี้ จนทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากบ้านร่างทรง" นางนันท์ กล่าว

 

นางนันท์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของตนก็เช่นกัน เขาเอาเงินเราไปจำนวนมากจนเราแย่ สุดท้ายก็เหมือนออกอุบายให้เรามีการโอนที่ให้ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเขาช่วยเหลือเรา แต่สุดท้ายก็หลอกเราเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราจะใช้หนี้เขา "เพื่อเป็นหลักประกัน เธอต้องโอนที่ให้เป็นชื่อฉันก่อนนะ เพื่อที่ว่าจะได้มั่นใจว่าเธอจะเอาเงินมาคืนฉัน ในสิ่งที่ฉันช่วยเธอไป" ก็เลยหลงเชื่อและทำให้สูญเสีย

นางนันท์ กล่าวว่ เหตุการณ์ครั้งนี้ให้บทเรียนกับตนมาก ความเชื่อ ความศรัทธา ทำให้เราหากำลังใจหาที่พึ่ง เลยทำให้เราหลงผิด ที่ไปเชื่อพวกร่างทรง เราคิดว่าเขาเข้าใจเราที่สุด คิดว่าเขาเป็นผู้มีศีลเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำให้เราเกิดความศรัทธา วันนี้มีสติคือ จริง ๆ แล้วเราต้องเมตตาตนเองก่อน ช่วยเหลือตัวเองก่อน ก่อนที่เราจะไปช่วยเหลือคนอื่นก็ไม่คุ้มกับที่เราต้องสูญเสียไป