รีเซต

GISTDA เผยคราบน้ำมันใหญ่กว่าเกาะเสม็ด 9 เท่าจ่อชายฝั่งระยองห่าง 6.5 กม.

GISTDA เผยคราบน้ำมันใหญ่กว่าเกาะเสม็ด 9 เท่าจ่อชายฝั่งระยองห่าง 6.5 กม.
TNN ช่อง16
28 มกราคม 2565 ( 11:51 )
151
GISTDA เผยคราบน้ำมันใหญ่กว่าเกาะเสม็ด 9 เท่าจ่อชายฝั่งระยองห่าง 6.5 กม.

วันนี้ ( 28 ม.ค. 65 )จากกรณี GISTDA ใช้ดาวเทียมตามรอยคราบน้ำมันดิบบริเวณอ่าวมาบตาพุด หลังท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลบริเวณอ่าวมาบตาพุด จ.ระยอง เกิดการรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร ส่งผลให้มีคราบน้ำมันกระจายกลางอ่าวไทย ตั้งแต่คืนวันที่ 25 มกราคม 2565 นั้น

 

ล่าสุด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ใช้ภาพจากดาวเทียม TerraSAR-X ถ่ายภาพเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 เวลา 18.23 น. เพื่อติดตามคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบคราบน้ำมันลอยแผ่เป็นบริเวณกว้างกว่าเดิม (กรอบสีแดง) คิดเป็นพื้นที่ 47 ตารางกิโลเมตร (29,506 ไร่) หรือกว่า 9 เท่าของเกาะเสม็ด และมีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางทิศด้านตะวันออกเฉียงเหนือ (จากจุดเดิม) ซึ่งคราบน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลของอำเภอเมืองระยอง ประมาณ 6.5 กิโลเมตร และห่างจากเกาะเสม็ด ประมาณ 12 กิโลเมตร และคาดว่าคราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งในวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 (จุดสีน้ำเงิน และสีส้ม) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเมืองระยอง ชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ชายหาดใกล้เคียง

 

โดยข้อมูลจากการวิเคราะห์ ทาง GISTDA จะส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้วางแผน ติดตาม ตรวจสอบในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ การประเมินคราบน้ำมันจากภาพถ่ายดาวเทียมระบบ SAR (X-Band) เป็นการประมาณจากขอบเขตพื้นที่ ส่วนปริมาตรของน้ำมัน (ความหนาของชั้นน้ำมัน: Oil Thickness) อาจต้องใช้ข้อมูลจากการเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง

 

ปัญหาภัยพิบัติและมลพิษทางทะเล ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศมาโดยตลอด ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

 

 

 

ข้อมูลจาก :  GISTDA 

ภาพจาก :    GISTDA / AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง