รีเซต

"ราคาทองคำผันผวน" แนวโน้มแค่พักฐานหรือยังไปต่อ! ทองแท่งฟื้นกลับยืนเหนือ 67,000 บาทได้หรือไม่?

"ราคาทองคำผันผวน" แนวโน้มแค่พักฐานหรือยังไปต่อ! ทองแท่งฟื้นกลับยืนเหนือ 67,000 บาทได้หรือไม่?
TNN ช่อง16
25 ตุลาคม 2568 ( 13:52 )
11

ราคาทองคำโลกดิ่ง ! ในรอบ 12 ปี หลังเกิดแรงเทขายทำกำไรอย่างหนักในคืนวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา  โดยราคาทองคำ gold spot ร่วงลงประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 6.3% สู่ระดับ 4,082.03 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

หลังจากก่อนหน้านี้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่องยาวนานมาหลายสัปดาห์ หนุน gold spot  แตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองแท่งแตะ 67,400 บาท ทองรูปพรรณทะลุ 68,200 บาท 

ทั้งนี้เป็นผลมาจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ จะพบกับ “สี จิ้น ผิง” ประธานาธิบดีของจีน ในระหว่างการประชุมเอเปกที่เมืองคย็องจู เกาหลี ใต้ สิ้นเดือนต.ค.นี้ ทำให้ตลาดคาดหวังความคืบหน้าผลเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย


นอกจากนี้การชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อ ทำให้ขาดข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และไม่มีตัวเลขอ้างอิงส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำอย่างไร้ทิศทาง   

สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำในสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นการพักฐานเพื่อไปต่อหรือไม่ และมีปัจจัยบวกลบอะไรที่ต้องติดตาม โดยมีแนวโน้มกลับไปยืน 67,000 บาทหรือไม่ และปลายปืทองแท่งจะไปถึง 70,000 บาทหรือเปล่า ในวันนี้ TNN Online พาไปหาคำตอบจากกูรูกันค่ะ

 

เริ่มจาก “วรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด มองว่า  ราคาทองคำปรับตัวลงแรงจาก 2  ประเด็นหลักคือ 1. นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีนจะพบปะหารือกันในช่วงระหว่างการประชุมเอเปกที่เมืองคย็องจู เกาหลีใต้ สิ้นเดือนตุลาคมนี้ โดยการพบกันครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากข้อพิพาททางการค้า และคำขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 100% หากจีนไม่ผ่อนคลายการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 

2.นายเควิน แฮสเซ็ตต์   ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวระบุว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลหรือ Government Shutdown มีแนวโน้มสิ้นสุดภายในเดือนต.ค.ทำให้กองทุนมีการเทขายทองคำทำกำไรทุบราคาทองร่วง

โดยทางเทคนิคหลังราคา gold spot ปรับขึ้นสูงสุดจะเริ่มปรับตัวลงให้ระวังที่ระดับราคา 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ทองแท่งประมาณ 62,900 บาท ถ้าหลุดอาจไปทดสอบแนวรับแรกที่ 3,900  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 3,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ 3,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  เพราะปกติราคาทองจะปรับตัวลงประมาณ 1 สัปดาห์ 

ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อราคา  gold spot ทดสอบที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และเด้งกลับ ขณะที่ราคาทองแท่งที่เข้าซื้อจะอยู่ที่ 58,500- 63,000 บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.90 บาท)  ด้านแนวต้านแรกอยู่ที่ 4,190 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 4,275 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านไปได้มีโอกาสที่จะไปแตะ 4,380 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดครั้งก่อน 

 

ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้าปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ตลาดคาดว่าปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าตลาด  ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นปัจจัยพยุงทองคำ ตามติดด้วยเรื่อง Government Shutdown จะได้ข้อยุติในสัปดาห์หน้าหรือไม่ รวมถึงผลการหารือระหว่าง  "ทรัมป์" กับ "สี จิ้น ผิง"  ถ้าตกลงกันได้ด้วยดีราคาทองคำจะร่วงลึกและเชื่อว่าทองแท่งคงไม่หลุด 60,000 บาท 

แต่ในทางกลับกันถ้าตกลงกันไม่ได้ราคาจะพุ่งต่อ และมีโอกาสเห็น gold spot แตะ 4,380-4,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ทองแท่งกลับไปแตะที่ระดับ 67,000 -68,000 บาท แต่ถ้าทองแท่งจะไปถึง 70,000 บาท gold spot  จะต้องทะลุ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์   โดยจะต้องดูอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนั้นด้วยว่าอ่อนค่าลงหรือไม่ 

สำหรับทองคำแม้ว่าจะเผชิญแรงขาย แต่เป็นการพักฐานเพื่อไปต่อ เนื่องจากธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์จากสหรัฐ ปรับการคาดการณ์ทองคำในสิ้นปี 69 อยู่ที่  4,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากเดิมอยู่ที่  3,313 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลกยังซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อหนีสกุลเงินดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ  

ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในเดือนธ.ค. 69 จาก 4,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็น 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  เนื่องจากการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุน ETF ทองคำในภูมิภาคตะวันตกอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทอง gold spot ปรับขึ้นไปแล้ว 1,467 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์   หรือเพิ่มขึ้น 55.8%  ทองแท่งปรับขึ้นแล้ว 20,950 บาท หรือ 49% 

สอดรับกับ "อารีรัตน์ มุราชัย" หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD  เล่าว่า ราคาทองคำ gold spot หลุดแนวรับสำคัญ 4,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพราะไม่มีปัจจัยใหม่หนุน ทำให้ราคาร่วงลงมาต่ำสุดของวันที่ 24 ต.ค.ที่ระดับ 4,055  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ทองแท่งอยู่ที่ 63,050 บาท หลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐและ “สี จิ้น ผิง” ประธานาธิบดีของจีนจะหารือเรื่องการค้า  รวมถึงประเด็นสถานะของไต้หวัน กับสี จิ้นผิง ในการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้ปลายเดือนต.ค.นี้ 

ซึ่งถ้าผลการหารือไปในทิศทางบวกตกลงกันได้มีโอกาสที่ ราคา gold spot หลุด 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถือเป็นจังหวะที่เข้าซื้อ  แต่ต้องมีจุด stop loos โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,970 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าหลุดยังไม่สามารถยืนอยู่ได้มีโอกาสลงร่วงต่อลงไปที่  3,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ต้อง Cut loss  

ซึ่งที่ผ่านมาเคยลงไปจุดต่ำสุดที่ 4,004  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และเด้งกลับคืนมา โดยแนวต้านแรกที่   4,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ทองแท่งอยู่ที่ 64,300 บาท แนวต้านถัดไปที่ 4,230 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองแท่งอยู่ที่ 65,500 บาท

ส่วนปัจจัยสำคัญที่จะหนุนทองคำ คือ ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดลดดอกเบี้ย  และผลการหารือระหว่าง “ทรัมป์” และ “สี จิ้น ผิง” ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และต้องจับตาการเลื่อนดีลภาษีระหว่างสหรัฐฯและจีนจะครบกำหนด 10 พ.ย.นี้  

หลังจาก “ทรัมป์” ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อขยายเวลาสงบศึกการค้าเมื่อวัน ที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ ชะลอการเก็บภาษี 145% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน  ส่วนจีนก็จะคงการระงับภาษี 125% ต่อสินค้าสหรัฐฯ  ภายใต้ข้อตกลงนี้ โดยสหรัฐฯ จะคงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไว้ที่ 30% ขณะที่จีนคงภาษีต่อสินค้าสหรัฐฯ ไว้ที่ 10%

“ราคาทองคำ gold spot เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วง 370 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองแท่งลง 4,700 บาท มาแตะที่ราคา 62,600 บาท  มีโอกาสกลับขึ้นไปยืน 67,000 บาทได้ต้องมีปัจจัยหนุน เรื่องเฟดลดดอกเบี้ย และผลเจรจา “ทรัมป์”และ “สีจิ้นผิง” ไม่บรรลุข้อตกลง” 


ส่วนแนวโน้มราคาทองคำยังไปต่อ แม้ว่าช่วงนี้อาจจะพักฐานบ้าง เป็นผลมาจาก

  1. ตลาดคาดว่าเฟดยังลดดอกเบี้ยในปลายปีนี้  และต่อเนื่องไปในปีหน้า 
  2. “ทรัมป์” ได้ยกเลิกการประชุมกับ “วลาดิมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย  โดยสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซีย ได้แก่ รอสเนฟต์ และ ลุคออยล์  เพื่อสร้างแรงกดดันต่อรัสเซียเพื่อให้เจรจายุติสงครามกับยูเครน
  3.  สหภาพยุโรปก็ได้เห็นชอบให้แบนการนําเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากรัสเซีย แบบค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน ซึ่งต้องจับตา “ปูติน” ว่าจะมีมาตรการโต้ตอบมากน้อยแค่ไหน 
  4. ธนาคารกลางโปแลนด์เพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองจาก 20% เป็น 30% ปรับพอร์ตจากเงินตราต่างประเทศ เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันมีทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ 515 ตัน

แม้ว่าราคาทองคำจะถูกแรงเทขายหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.พบว่า ราคาทองคำ gold spot พลิกยืนเหนือระดับ 4,100 ดอลลาร์อีก หลัง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย. อยู่ที่  3% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1%  

ขณะที่  FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. และให้น้ำหนัก 98.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้

ราคาทองคำในช่วงนี้ผันผวน ดังนั้นนักลงทุนต้องระวังความเสี่ยง ด้านราคา อัตราแลกเปลี่ยน พร้อมติดตามข่าวสารข้อมูลอย่างใกล้ชิด และปรับพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ  เพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลก  เพราะถ้าเข้าออกไม่ทันอาจทำให้ขาดทุนได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง