PLUSยอดโค้งท้ายแจ่ม ติดสปีทลุยโกอินเตอร์

#PLUS #ทันหุ้น –PLUS มองผลงานไตรมาส 4/2566 แจ่ม ลูกค้าเก่า-ใหม่ ป้อนออเดอร์ส่งท้ายปี กางแผนลุยออกงานจัดแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง หวังเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ พร้อมยอมรับรายได้ปี 2566 ใกล้เคียงปีก่อน ด้านต้นทุนราคาน้ำตาลที่ปรับตัวขึ้นไม่กระทบ

นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน หลักๆ เป็นผลมาจากการได้รับคำสั่งซื้อใหม่จากทั้งฐานกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเพิ่มประมาณ 30-40 ราย รวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดใหม่เข้ามาเสริม

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2566 ได้มีการไปร่วมออกงานจัดแสดงสินค้าที่ประเทศเยอรมันนีและอินโดนีเซีย และในเดือนธันวาคมมีแผนจะร่วมจัดแสดงสินค้าในงาน The Foodism Show ที่จัดขึ้นในประเทศไทยเพิ่มเติมอีกด้วย มองว่าจะเป็นอีกโอกาสที่ช่วยแสดงศักยภาพในการผลิตเครื่องดื่มที่เป็นผลผลิตจากการเกษตรของไทย ถูกนำมาแปรรูป ซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดได้เปรียบทางธุรกิจ และต่างชาติค่อนข้างชื่นชอบ

*ออเดอร์ไหลเข้า

แต่อย่างไรก็ดี มองว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 อาจสูงไม่เท่ากับไตรมาส 3/2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 414.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 61.6 ล้านบาท เนื่องจากตามปกติไตรมาสสุดท้ายของทุกปีจะเป็นโลว์ซีซันของธุรกิจ ประกอบกับด้วยพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ชอบความสดใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการและคู่ค้ามีการทำสัญญาคำสั่งซื้อที่มีกำหนดส่งในช่วงต้นปี 2567 สำหรับรายได้ในปี 2566 มองว่าอาจทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1,457.41 ล้านบาท

ในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ในช่วงไตรมาส 4/2566 บริษัทได้มีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนต้นทุนการผลิต เช่น ราคาน้ำตาลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด โดยในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงของการเจรจาเริ่มต้นรอบการทำสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล็อตใหม่ที่จะใช้รองรับในการผลิตในปี 2567 ซึ่งบางรายได้เจรจาและเซ็นสัญญาไปแล้ว

*ขยายตลาดอัพลูกค้า

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 มองว่าหลักๆ ยังคงมุ่งเน้นในการขยายตลาดและฐานลูกค้ารายใหม่ รวมถึงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง และจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง ชานมไข่มุก แบรนด์ "MABU" ที่เริ่มทำการตลาดไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ จีน ที่ลูกค้าได้มีการสั่งซื้อล็อตแรกไปทดลองตลาดแล้ว ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการเจรจากับคู่ค้าในอินโดนีเซียเพิ่มเติม