BYD มีโอกาสดีขึ้นในปี 67 บัวหลวงให้แนวรับ 4.50 ต้าน 5.20 บ.
#BYD #ทันหุ้น - บล.บัวหลวงวิเคราะห์หุ้น BYD ระบุว่า ยังมีความผันผวนจากสภาพตลาดที่ไม่แน่นอน โดยมองว่าผลประกอบการของ BYD มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นในปีหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์แต่ยังมีความไม่แน่นอนในการทำกำไรของธุรกิจรถบัสไฟฟ้า หากอิงฐานกำไรใน 3Q23 เป็นฐาน เราคาดกำไรปี 2024 ที่ 400 ล้านบาท (ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากธุรกิจการปล่อยสินเชื่อที่คาดจะยังมีอัพไซด์) ราคาปัจจุบันเทรดที่ระดับ Forward PER ที่ 51 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มไฟแนนซ์ที่ 17 เท่า กลุ่มโบรกเกอร์ที่ 13 เท่า และหุ้น EV อย่าง NEX ที่ 17 เท่า บล.บัวหลวงให้แนวรับ 4.50 บาท แนะต้าน 5.20 และ 5.40 บาท ตัดขาดทุน 4.30 บาท
ผลประกอบการ 3Q23 ผลิกเป็นกำไร YoY และ QoQ
สรุปผลประกอบการใน 3Q23: BYD รายงานกำไรสุทธิที่ 93 ล้านบาท พลิกเป็นกำไร YoY และ Q0Q ปัจจัยหนุนหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากดอกเบี้ยรับของสินเชื่อให้กู้ยืมแก่บริษัท ไทย สมายส์ บัส จำกัด (TSB) โดย BYD ได้ปล่อยกู้ไปแล้วราว 8,550 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่ 6% นอกจากนั้น บริษัทยังมีการหยุดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก TSB เนื่องจากบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนดังกล่าวจนครบส่วนของทุนที่ได้ลงทุนแล้ว (แม้ว่า TSB ยังคงขาดทุนอยู่) สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ของ BYD ยังโตดีต่อเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียม จากการบริหารกองทุนส่วนบุคคล และค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุน
แนวโน้ม 4Q23 ธุรกิจหลักทรัพย์มีความผันผวน
สำหรับแนวโน้ม 4Q23 ค่าเฉลี่ยมูลค่าซื้อขายต่อวันของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท QTD น้อยกว่าค่าเฉลี่ยมูลค่าซื้อขายต่อวันใน 3Q23 ที่ 50,919 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 10% อีกทั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อวันจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยที่ลดลง เราคาดรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ยังคงจะมีความฝันผวนอยู่ ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจาก AUA (asset under advice) โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายที่ 6,000 ล้านบาทในปีนี้ (ใน 3Q23 อยู่ที่ 4,470 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตามรายได้จากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์มีโอกาสลดลงเนื่องจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้แผนงานการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน IPO ของบางบริษัทมีการเลื่อนออกไป โดยรวมเราประเมินกำไรหลักใน 4Q23 จะพลิกเป็นกำไร YOY (การหยุดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก TSB) แต่ปรับตัวลดลง QoQ
แนวโน้มปี 2024 คาดปรับตัวดีขึ้น
ภาพสำหรับปี 2024 บริษัทคาดการเติบโตของ AUA ต่อเนื่องจากปีนี้ หนุนจากการขยายกลุ่มลูกค้าบริษัทมหาชนที่มากขึ้น อีททั้งสกาวะตลาดที่มีโอกาสคงที่มากขึ้น หรืออาจจะผ่านจุดต่ำสุดและจะสร้างมเมนตัมของการฟื้นตัวของธุรกิจหลักทรัพย์ในส่วนของ TSB ยังคงอยู่ในเฟสลงทุนในช่วง 7 ปีตั้งแต่ปี 2021-2027 (คาดยังไม่เห็นกำไรในระยะสั้น) แต่เราประเมินรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจปล่อยสินเชื่อมีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปีหน้ามี TSB มีแผนลงทุนรถบัสไฟฟ้าเพิ่มอีกราว 900 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,800 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีแผนการขยายรถบัสร้อนอีกกว่า 220-250 คัน (ปัจจุบันให้บริการ 10 เส้นทาง) งบลงทุน 1,500 ล้านบาทนอกจากนี้ TSB ยังมีโครงการใหญ่ในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อลงทุนเพิ่ม