อ็อกซ์ฟอร์ด ฟื้นทดลองวัคซีนโควิด อ้างยังปลอดภัย

วันนี้( 13 ก.ย.63) แอสตราเซเนกา บริษัทยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะรื้อฟื้นการการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง หลังหยุดไปเนื่องจากมีรายงานเกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วยรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บริษัทแอสตราเซเนกา แถลงว่า การศึกษาและการทดลองต้องหยุดชะงัก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนว่า อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ แต่ล่าสุดทางมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด แถลงว่า วัคซีนมีความปลอดภัยที่จะทำการทดลองต่อไป ซึ่งแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร ก็ออกมาแสดงความยินดีต่อข่าวที่ว่า การทดลองวัคซีนจะเริ่มต้นกันอีกครั้งและกล่าวเพิ่มเติมว่า การหยุดทดลองไปนั้นแสดงให้เห็นว่าทุกฝ่ายคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก รัฐบาลจะสนับสนุนบรรดานักวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อ็อกซ์ฟอร์ด ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า คาดอาสาสมัครผู้เข้าร่วมการทดลองบางคนจะรู้สึกไม่สบายอยู่บ้างในการทดลองขนานใหญ่ เช่นกับรายที่ตรวจพบ 

อ็อกซ์ฟอร์ด แถลงเพิ่มเติมว่า ขณะนี้การศึกษาสามารถรื้อฟื้นได้อีกครั้ง หลังได้รับข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการทบทวนความปลอดภัยอิสระและองค์การควบคุมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Medicines and Healthcare Product Regulatory Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมยาของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของผู้ป่วยด้วยเหตุผลในการเก็บข้อมูลเป็นความลับ แต่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า อาสาสมัครคนหนึ่งที่เข้าร่วมในการทดลองวัคซีนในสหราชอาณาจักร มีอาการป่วยซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงว่า ขณะนี้มีวัคซีนเกือบ 180 ชนิดที่อยู่ระหว่างการทดลองทั่วโลก แต่ยังไม่มีชนิดใดที่ทดลองทางคลินิกเสร็จสิ้นแล้ว ยังมีความหวังสูงว่า อาจมีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่ง ออกสู่ตลาดได้ก่อนหลังประสบความสำเร็จในการทดลองระยะที่ 1 และ 2 แต่การทดลองในระยะที่ 3 ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมประมาณ 30,000 คนในสหรัฐ และสหราชอาณาจักร, บราซิลและแอฟริกาใต้ด้วย การทดลองวัคซีนในระยะที่ 3 ปกติแล้วมักเกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมหลายพันคน และอาจต้องใช้เวลานานหลายปี