ศป.กฉ. สรุปสถานการณ์ "น้ำท่วมภาคใต้" ยืนยันขณะนี้เข้าโหมดฟื้นฟูแล้ว

ณ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ครั้งที่ 3/2568 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โอกาสนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่อุทกภัยมีการเปลี่ยนแปลงไปต้องมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินการให้สอดคล้องและทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ศป.กฉ. เดินหน้าโหมดฟื้นฟู เยียวยา คู่ขนานกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังติดค้าง
โดยยกระดับแผนการดำเนินการในการช่วยเหลือประชาชน ควบคู่การเยียวยา ฟื้นฟูเมืองเร่งด่วน ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์น้ำในเมืองหาดใหญ่เริ่มลดลง ปรากฏสภาพเมืองที่ได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูในหลายมิติ เพื่อนำเมืองหาดใหญ่กลับสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด
“ศป.กฉ. ปรับโหมดและวิธีการทำงาน เร่งบูรณาการตามแผนที่กำหนดไว้คู่ขนานไปกับการเดินหน้า “การฟื้นฟู” และ “การเยียวยา” เพื่อนำเมืองกลับมาสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด โดยเริ่มทันที” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ
ทั้งนี้ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำให้ทางจังหวัดมีการทำแผนฟื้นฟูให้เป็นระบบ เพื่อให้การบูรณการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีเอกภาพเป็นไปทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การเร่งปฏิบัติการฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็ว บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่โดยเร็วที่สุด รวมทั้งขอให้ทุกหน่วยงานส่งข้อมูลมาที่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อสรุปผลรายงานข้อมูลเผยแพร่ข่าวสารเป็นไปอย่างมีเอกภาพ ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง
โดยในเวลา 15.00 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและโฆษกศูนย์ และนางสาวรัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษกศูนย์ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายสิริพงศ์ฯ กรรมการและโฆษกศูนย์ กล่าวถึงผลของการดำเนินการของ ศป.กฉ. โดยในส่วนของการร้องขอให้ส่วนหน้าเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ยังตกค้าง จำนวน 1,934 เคส สามารถช่วยออกมาได้ 1,734 เคส คิดเป็น 89% ส่วนสาเหตุที่ช่วยเหลือได้ไม่ครบ 100% นั้น เนื่องจากบางกรณีเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้น จึงไม่มีความประสงค์ที่จะย้ายไปที่ศูนย์อพยพ
“ปัจจุบันมีประชาชนที่อยู่ในความดูแลของศูนย์พักพิง ยอดสะสมทั้งสิ้น 14,160 ราย และศูนย์อพยพยังสามารถรองรับได้ถึง 20,840 ราย โดยมีกำลังผลิตอาหารได้ 92,320 ชุดต่อวันเพื่อดูแลประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงและไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ และจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตในวันนี้”
ส่วนรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากกรณีน้ำท่วมภาคใต้นั้น รัฐบาลขอแสดงความเสียใจด้วยอีกครั้งหนึ่ง ย้ำว่ายอดผู้เสียชีวิตจะมีการอัปเดตทุกวัน ดังนั้นการนำข้อมูลที่นำเสนอเมื่อวันแรกและวันที่สอง มาใช้ในเชิงเปรียบเทียบและนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น ขอให้ทุกคนระมัดระวังในการรายงานข้อมูลด้วย
ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามียอดผู้เสียชีวิตสะสมของทางภาคใต้ จำนวน 145 ราย แบ่งเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 110 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 5 ราย ปัตตานี 6 ราย ยะลา 5 ราย นราธิวาส 4 ราย นอกจากนี้แพทย์และฝ่ายนิติเวช มีความคิดเห็นว่าไม่ควรแบ่งเคสกรณีผู้เสียชีวิต 110 รายที่สงขลา ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้จะไม่มีการแบ่งเคสรายงาน เพราะถือว่าเสียชีวิตในห้วงเวลานั้นทั้งสิ้น
“ศูนย์ ศป.กฉ. แถลงเวลา 15.00 น. ของทุกวัน หากยอดใดที่เกิดหลังจากเวลานี้ ยังไม่ถือว่าเป็นยอดอย่างเป็นทางการ เพราะกังวลว่าจะเกิดความสับสน ขอให้ประชาชนฟังข้อมูลจาก ศป.กฉ. เป็นหลัก ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้บูรณาการข้อมูลระหว่างตำรวจ นิติเวช และกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และการรายงานความคืบหน้าของวันนี้ ก็จะได้เห็นภาพแนวทางการฟื้นฟูหาดใหญ่ สงขลา และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม” นายสิริพงศ์ฯ ระบุ
ด้าน นางสาวรัชดาฯ กรรมการและโฆษกศูนย์ กล่าวว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการบริหารจัดการ “การฟื้นฟูภายหลังน้ำลด” และการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยทั้งที่อยู่บ้านหรือศูนย์พักพิงยังคงดำเนินการต่อไป การขนส่งลำเลียงสิ่งของ นอกจาก C-130 ของกองทัพอากาศแล้ว ยังมีภาคเอกชนที่อาสาขนสิ่งของไปช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น แอร์เอเชีย เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการงดเว้นในส่วนค่าบริการสนามบินให้
เรื่องการสูบน้ำออกจากพื้นที่ ขณะนี้รัฐบาลได้ประสานเครื่องสูบน้ำราว 280 เครื่อง ที่ความพร้อมเข้าไปประจำในพื้นที่หลัก คือหาดใหญ่ จ.สงขลา รวมถึงจะดำเนินการกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ส่วนการคมนาคมสัญจรในพื้นที่ พบว่ายังมีเส้นทางที่ผ่านได้ 337 เส้นทาง ผ่านไม่ได้ 60 เส้นทาง สำหรับการให้บริการเดินรถของ บขส. เป็นปกติแล้ว 9 เส้นทาง ประกอบด้วย
1.กรุงเทพฯ – สงขลา
2.กรุงเทพฯ-หาดใหญ่
3.กรุงเทพฯ-ยะลา
4.กรุงเทพฯ –สุไหงโกลก
5.กรุงเทพฯ - เบตง
6.กรุงเทพฯ - นาทวี
7.กรุงเทพฯ - สตูล
8. กรุงเทพฯ – ด่านนอก
9.กรุงเทพฯ - ปาดังเบซาร์
ส่วนที่ยังไม่สามารถให้บริการได้ คือ
1.กรุงเทพฯ – ตรัง – สตูล
2.กรุงเทพฯ - ปัตตานี ขณะที่เส้นทางรถไฟวันนี้ เปิดให้บริการแล้ว 12 จุด และปิดเส้นทางอยู่จำนวน 27 จุด
นางสาวรัชดาฯ กล่าวถึงการฟื้นฟูภายหลังน้ำลด ที่ผ่านมาการประปาส่วนภูมิภาค สาขาหาดใหญ่ ไม่สามารถจ่ายน้ำได้เพราะเป็นผู้ประสบภัยอีกหน่วยงานหนึ่ง แต่ขณะนี้สามารถตั้งเครื่องจักรที่ผลิตน้ำได้แล้ว และยังได้นำเครื่องส่งน้ำสำหรับน้ำดื่มน้ำประปาจำนวน 16 คัน รวมทั้งรถบรรทุกน้ำจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเข้าไปให้บริการในพื้นที่ ส่วนเรื่องการจ่ายกระแสไฟฟ้านั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีความพร้อมในการจ่ายกระแสไฟฟ้า แต่ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที
เพราะต้องประเมินสถานการณ์ว่า หากปล่อยกระแสไฟฟ้าไปแล้วจะปลอดภัยกับประชาชนหรือไม่ ซึ่งวันนี้พบว่ามีประชาชนเดือดร้อนลดลงเหลือเพียง 1.6 แสนครัวเรือน จากเดิม 7 แสนครัวเรือน คาดว่า จะสามารถดำเนินการให้ทุกบ้านมีไฟฟ้าใช้ได้ครอบคลุมได้โดยเร็ว สำหรับระบบสัญญาณโทรศัพท์ ขณะนี้สามารถใช้ได้หลายพื้นที่แล้วอาจไม่ครบ 100% เพราะยังติดอยู่ในเรื่องของไฟฟ้า
นางสาวรัชดาฯ กล่าวเพิ่มว่า กสทช. ร่วมกับค่ายโทรศัพท์มือถือมอบบริการ โดยสำหรับผู้ใช้บริการระบบเติมเงิน จะขยายระยะเวลาการใช้งานออกไป 30 วัน ผู้ใช้บริการระบบรายเดือน จะขยายระยะเวลาชำระเงินค่าบริการออกไปอีก 30 วัน จะไม่ถูกตัดสัญญาณ โดยผู้ใช้บริการโทรศัพท์ทั้งระบบเติมเงินและระบบรายเดือนในพื้นที่น้ำท่วม สามารถที่จะโทรศัพท์ฟรี 100 นาทีและอินเทอร์เน็ตฟรี 10 GB ใช้งานตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ มีระยะเวลา 15 วัน
ส่วนการบริหารจัดการขยะในพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าแผนการบริหารจัดการขยะต้องทำอย่างเร่งด่วน โดยพื้นที่ที่มีความพร้อมและน้ำลดลงแล้วพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง มีเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความสะอาดแล้ว เช่น กรมการปกครองได้นำสมาชิกอาสารักษาดินแดนเข้าไปทำความสะอาดในบางจุด เช่น วงเวียนน้ำพุหรือชุมชนคลองเตย และจะมีอาสาสมัครของกรมการปกครองที่จะเข้าไปในพื้นที่ในเย็นวันนี้อีก 2,000 คน คาดว่าการดำเนินการ Big cleaning สามารถทำได้ในวันพรุ่งนี้
“กระแสข่าวลือที่มีการโพสต์ว่า พายุโคตะ กำลังจะเข้ามาประเทศไทยและทำให้พี่น้องภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือดร้อนนั้น ได้รับแจ้งจากทางกรมอุตุนิยมวิทยาแล้วว่า พายุโคโตะนั้นเข้ามาทางเวียดนาม แต่ไม่กระทบประเทศไทยแต่อย่างใด” นางสาวรัชดาฯ ระบุ
ทั้งนี้ ขอย้ำว่ารัฐบาลมีความพร้อมการบริหารจัดการเข้าสู่โหมดของการฟื้นฟูและหน่วยงานในพื้นที่ก็ได้มีการประสานกันอย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้นภาคเอกชน ภาคประชาชนที่ประสงค์ส่งจะเข้าไปช่วยเหลือ หรือไปถึงพื้นที่แล้วหรือยังมีข้อคำถาม สามารถส่งมาที่ศูนย์ส่วนกลาง 1111 หรือถ้ามีเบอร์ศูนย์ประสานงานของ ศป.กฉ. (ส่วนหน้า) ในพื้นที่ จะมีหน่วยงานทหารรับประสานงานกับกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
