TIPH แนวโน้มQ2เติบโตต่อ พอร์ตรายย่อยดีประกันรถดัน

TIPH แนวโน้มไตรมาส 2/2566 ดีต่อเนื่อง หนุนจาก TIP บริษัทแกนหลักที่มีทีท่าขยายตัวสดใสในกลุ่มลูกค้ารายบุคคล จากประกันรถยนต์ ล่าสุด InsurVerseเริ่มทดสอบระบบ แกรนด์โอเพนนิ่ง 9 เดือน 9 ปีนี้ ลุ้นเบี้ยเข้าพอร์ต 100 ล้านบาท
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ยังเป็นไปในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกับไตรมาสแรกอานิสงส์ จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 โดยเฉพาะพอร์ตงานรับประกันที่เป็นลูกค้ารายบุคคลอย่างประกันรถยนต์มีการขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรก
*รายย่อยโต-รายใหญ่ทรงๆ
ในขณะที่พอร์ตงานรับประกันสำหรับลูกค้ารายใหญ่ หรือลูกค้าองค์กรปีนี้ จำนวนลูกค้าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ในแง่ของเบี้ยประกันกลับเพิ่มสูง ส่วนหนึ่งเพราะประกันภัยต่อ ในตลาดโลกมีการปรับอัตราเบี้ยประกันขึ้น จากความเสี่ยง หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ดร.สมพร กล่าวอีกว่า ตลาดประกันภัยต่อเข้าสู่ภาวะตลาดแข็งตัว หรือ Hard Marketที่อัตราเบี้ยประกันภัยปรับขึ้นสูง จากการจ่ายค่าสินไหมจำนวนมากในหลายภูมิภาค บางรายขาดทุน บางรายกำไรลดลง เป็นผลให้ความสามารถในการรับประกันภัยลดลง (Capacity) ขณะเดียวกันจำนวนผู้เล่นในตลาดก็ลดลง ดังนั้นหากอยากได้ความคุ้มครองเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงกับบริษัทประกันภัยต่อจะต้องจ่ายเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้จำนวนลูกค้ารายใหญ่จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่ในส่วนของลูกค้ารายบุคคลมีการเติบโตอย่างโดดเด่น จึงทำให้บริษัทคาดว่า ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ขณะที่มุมมองเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัว แม้จะมีความกังวลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ในส่วนของภาคท่องเที่ยวยังคงเติบโตได้ดี
*สัญญาณธุรกิจยังดี
“แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว กระทบต่อความเชื่อมั่นและการบริโภคบ้าง แต่การที่ภาครัฐออกมาตรการต่างๆ มากระตุ้นน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมา และน่าจะเป็นผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวด้วย อีกทั้งการขยายตัวของจีดีพีจีนปีนี้ก็ยังเป็นตัวเลขบวก ดังนั้นเราจึงยังเห็นการลงทุนของภาคธุรกิจไทยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับปรุงโรงแรม โรงงาน ร้านอาหารมากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เริ่มขยับตัว เพื่อรองรับโอกาสการเติบโต ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลบวกต่อธุรกิจประกันภัยด้วย”
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ TIPH มีกำไรสุทธิ 639 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.08 บาท โดยมีผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยเป็นแรงหนุนโดยเฉพาะ TIP ที่ไตรมาส 1/2566 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 311 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.8% มีกำไรจากเงินลงทุนรวม 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 ล้านบาท หรือคิด 24.4%
ส่งผลให้ TIP มีรายได้รวมทั้งหมดที่ 3,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.2% สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 658 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 226 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.3% จากไตรมาสก่อนหน้า
*9 เดือน 9 เปิดตัวเป็นทางการ
ดร.สมพร ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของ บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ InsurVerse ได้เปิดตัวดำเนินธุรกิจไปแล้วเมื่อ 7 กรกฎาคม 2566 อย่างไรก็ตามยังอยู่ในช่วงของการทดสอบระบบเทคโนโลยี ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายน 2566 ซึ่งหลังจากเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยภายใต้การดำเนินธุรกิจประกันภัยรูปแบบดิจิทัล 100% เจ้าแรกของประเทศไทย คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และมีเบี้ยรับรวมที่มาจาก InsurVerse ราว 100 ล้านบาทได้
“InsurVerse จะเข้ามาจับตลาดลูกค้ารายบุคคล ที่ซื้อ และใช้บริการด้านประกันภัยผ่านช่องทางดิจิทัลเท่านั้น โดยแบบประกันที่ขายผ่าน InsurVerse จะเน้นเข้าใจง่าย อย่างประกันรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันเดินทางและท่องเที่ยว ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ และประกันสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน สามารถซื้อ และเคลมได้ผ่านช่องทางดิจิทัล”
ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทในปี 2566 เบี้ยรับรวมธุรกิจประกันวินาศภัยอยู่ที่ 289,280 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเบี้ยจากลูกค้ารายบุคคล 132,005 ล้านบาท โดยคาดว่าภายใน 5 ปี เบี้ยของลูกค้ารายบุคคลจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 160,696 ล้านบาท ในส่วนนี้มีทั้งซื้อตรงกับบริษัทผ่านนายหน้าตัวแทน รวมถึงช่องทางดิจิทัลด้วย ซึ่งเทรนด์ของการซื้อประกันผ่านดิจิทัลมีการเติบโตขึ้นทุกปี
ดังนั้นหาก InsurVerse สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้ราว 5% ของเบี้ย 160,696 ล้านบาท ก็จะทำให้ InsurVerse มีเบี้ยอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท ในปีที่ 5 ที่ InsurVerse เดินเครื่องธุรกิจเต็มกำลัง