รีเซต

เปิดใจเซียนมวย 'ฮีโร่' รวมใจกู้ศักดิ์ศรี บริจาค 'พลาสมา' ทำยารักษา 'โควิด'

เปิดใจเซียนมวย 'ฮีโร่' รวมใจกู้ศักดิ์ศรี บริจาค 'พลาสมา' ทำยารักษา 'โควิด'
มติชน
13 เมษายน 2563 ( 12:35 )
95

 

หลังจาก ศาสตราจารย์นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาจุดประกายแนวทางรักษาเชื้อไวรัส “โควิด-19” ให้หายเป็นปกติด้วยวิธีการนำพลาสมา (น้ำเหลือง) ของผู้ที่หายจากโรคโควิด-19 ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” พร้อมกับเชิญชวนผู้ที่หายจากการติดเชื้อแล้วมาบริจาคเลือด ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปเก็บไว้ใช้เป็นยารักษาโรคผู้ติดเชื้อโควิด-19

 

ความหวังของคนไทยที่จะมียารักษาโรคไวรัส “โควิด-19” เด่นชัดมากขึ้น โดยคุณสมบัติผู้ที่จะมาบริจาคได้ จะต้องเป็นผู้ป่วยที่รักษาหายเป็นปกติ ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ร่างกายแข็งแรง ออกจากโรงพยาบาลและกักตัวอยู่ที่บ้านแล้วอย่างน้อย 14 วัน มีอายุระหว่าง17 ถึง 60 ปี และมีน้ำหนักเกิน 50 กิโลกรัม

 

ที่ผ่านมาคนวงการมวยไทยโดนโจมตีอย่างหนักจากสังคมเพราะมีผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” จากการแข่งขันมวยไทย ที่เวทีมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นจำนวนมาก ถูกตราหน้าว่าเป็นวงการแพร่เชื้อโรค


คนวงการมวย ซึ่งหมายรวมถึง ทุกองคาพยพ นักมวย เทรนเนอร์ พี่เลี้ยง เจ้าของค่าย เซียนมวย ฯลฯ แสดงความประสงค์ร่วมกันเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของวงการมวยไทยในการรับผิดชอบสังคมด้วยการเตรียมไปบริจาคเลือดเพื่อนำไปเป็นพลาสมารักษาผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” ต่อไป

 

“มิสเตอร์ป๋อง” พินิจ พลขัน
ช่วงกักตัวเอง 1-2 วันแรก ไปตรวจโรคจะไม่เจอ โดยเริ่มจะเพาะเชื้อและตรวจเจอตั้งแต่ 3 วันเป็นต้นไป อาการช่วงแรกมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ มีน้ำมูกนิดๆ จากนั้นผลตรวจก็ออกมาเป็นบวก และต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เป็นเวลา 28 วันเต็มผลตรวจถึงเป็นลบ ตลอดเวลา 28 วันที่ผมรักษาตัวผมจะยึดคำว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ใช้สร้างพลังบวกให้ตัวเอง

 

“โควิด – 19 มันเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ทุกคนต้องทำความรู้จัก เพื่อตระหนักรู้ป้องกัน ผมได้รับรู้ทุกอารมณ์ จากความกลัว มาทุกข์ แล้วเศร้า มีความเหงา และสุขสมหวังในตอนท้าย ที่ผ่านมาผมพยายายามให้กำลังใจคนอื่น อยากจะสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง ไม่อยากให้คนอื่นๆ วิตกมากเกินไป เพราะเชื้อโควิดก็คล้ายๆ โรคหวัดธรรมดา แต่แค่ติดกันง่ายเท่านั้นเอง อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับโควิดให้มากยิ่งขึ้น เพราะตอนแรกที่รู้ว่าติดเชื้อ ทรมานมากเหมือนโลกจะถล่มเหมือนตายทั้งเป็น แต่ตอนนี้ก็มารู้ว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้”

 

ขอให้ทุกคนสู้กับโรคนี้ด้วยสติ หาความรู้แล้วมาระวังป้องกันตัวเอง ทำตามภาครัฐแนะนำอย่างเคร่งครัด เราจะผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปด้วยกัน ถ้าเรามีวินัยให้ความร่วมมือจบเร็วแน่ หลังจากนี้จะกลับไปกักตัวที่บ้านต่อ ตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก่อนจะกลับมาบริจาคพลาสมาให้กับผู้ป่วยรายอื่นที่มีอาการรุนแรง ซึ่งล่าสุดคนในวงการมวยได้รวมตัวกันหลังจากกหายจากโควิดและพักฟื้นร่างกายแล้ว จะกลับมาบริจาคพลาสมาต่อไป ขณะเดียวกันยังเตรียมจะบวชอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ในเดือนมีนาคมปีหน้า

 

“นี่เป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราคนวงการมวยจะได้ทำอะไรเพื่อสังคม จะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีที่พวกเราโดนสังคมโจมตีอย่างหนักว่าเราไปแพร่เชื้อ เราพร้อมที่จะไปบริจาคพลาสมากันด้วยความเต็มใจเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับวงการแพทย์ในการนำไปรักษาผู้ติดเชื้อรายต่อไป อย่างไรก็ตามคงต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปบริจาค ร่างกายเราต้องแข็งแรง เมื่อพร้อมแล้วเราจะไปทันที”

 

“มีแน่ ศิษย์เส่ย” รัฐวิชญ์พงศ์ มั่นคง
ผมถือว่าผมโชคร้ายที่เป็นติดเชื้อโควิด-19 แต่ในความโชคร้ายผมได้เห็นน้ำใจความห่วงใยจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการ จากคุณหมอ จากทีมแพทย์ จากโรงพยาบาลที่รักษาผมแบบเต็มที่ ดูแลเป็นอย่างดี พอรู้ว่าติดเชื้อผมรับผิดชอบต่อสังคมและไม่ให้ใครมาติดเชื้อต่อจากผม หมอบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวของโรคโควิดคือ คนปกติแต่มีเชื้อโควิด และไม่รู้ตัว ออกไปแพร่เชื้อใส่คนใกล้ตัวไม่จำเป็นต้องมีไข้ก็แพร่เชื้อได้

 

ระหว่างที่รักษาตัวพอรู้เรื่องพลาสม่าของคนที่ป่วยเป็น “โควิด-19” แล้วหายเป็นปกติสามารถนำไปรักษาผู้ที่ติดเชื้อได้ ผมพร้อมกับพี่ๆ น้องๆ ในวงการเซียนมวยคุยกันตลอดว่า พวกเราเป็นคนมวยต้องช่วยกัน ช่วยกันกอบกู้ภาพลักษณ์วงการมวยกลับคืนมา เราจะไปร่วมบริจาคพลาสมาแบบไม่มีข้อแม้ เราตั้งใจกันจริงๆ ประกาศให้รู้กันไปเลยว่าคนมวยเนื้อแท้เป็นคนยังไง

 

“ภาพลักษ์ของวงการมวยของไทยทุกคนมองในภาพลบ แต่จริงๆ แล้วอยากให้รู้ว่า คนวงการมวยทุกคนเป็นคนจิตใจดี พอพวกเรารู้ว่าสภากาชาดไทยต้องการเลือดเพื่อนำไปทำพลาสมา พวกเราพร้อมใจที่จะไปบริจาค เพียงแต่ตอนนี้รอให้ผลตรวจของอีกหลายๆ คนเป็นลบ เมื่อได้สัก 30 คน และพร้อมตามแพทย์แนะนำ เราจะไปกันทันทีเลย”

 

“เซียนไก่” พิทักษ์ แก้วประพล
หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ช่วงที่อยู่โรงพยาบบาลรักษาตัวอยู่ถึง 19 วัน ตอนนี้อาการของตัวเองดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องรักษาระยะห่างกับผู้คนรอบตัวอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ก็ต้องแยกเป็นส่วนตัว ไม่ใช้ปะปนกัน ต้องชื่นชมคุณหมอของไทยว่าเก่งมากๆ ส่วนเรื่องการบริจาคพลาสมาเพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยไวรัส “โควิด-19” หลังจากทราบเรื่องดังกล่าวจากบรรดาพรรคพวกพี่น้องวงการมวยนั้น ผมมี

 

ความยินดีอย่างมากที่จะเข้าร่วมการบริจาคพลาสมา ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่จะไปบริจาคพลาสมา แต่ได้พูดคุยกันในกลุ่มเซียนมวยทุกคนต้องการที่จะไปบริจาคพลาสมากันทุกคนแบบเต็มใจ แต่ยังคงต้องรอให้หายดีก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาสนามมวยถูกสังคมโจมตีว่าเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด คนวงการมวยไม่ได้ปฏิเสธ ทุกคนรู้สึกเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้

 

“ผมถือว่าเซียนมวยเป็นกลุ่มที่รับผิดชอบต่อสังคม คนที่ติดเชื้อก็ออกมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษแสดงตัวว่าติดเชื้อเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา คนที่ไม่ติดเชื้อแต่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ไปตรวจยืนยัน และเมื่อมีโอกาสที่ดีที่จะช่วยเหลือคนไทยด้วยการบริจาคพลาสมา ทุกคนก็ยินดีเพื่อร่วมกันช่วยสังคมและทุกคนให้รอดพ้นปลอดภัยจากโควิด-19 ก่อนไปเราได้ออกกำลังกาย เรารักษาตัวเป็นอย่างดี เพื่อนๆ น้องๆ เซียนมวยออกกำลังกายอยู่ในบ้านเพื่อให้ได้พลาสมาที่มีคุณภาพที่สุดเพื่อนำไปรักษาคนอื่นต่อไป” เซียนไก่กล่าว

 

“ชู ทางด่วน” ชัยวิวัฒน์ ชนะสิทธิ์
เวทีมวยคือ สถานที่ทำงานของตัวเอง เหมือนพนักงานแบงก์ สำนักงานของธนาคารก็เป็นสถานที่ทำงานของพวกเขา ช่วงที่รู้ว่าเป็นโควิด-19 เราก็เข้ารับการรักษา รักษาตัวเรา ปกป้องคนรอบข้างอย่าให้ไปติดต่อคนอื่นอีกเป็นความรับผิดชอบที่ทุกคนต้องมีไม่ใช่เฉพาะคนมวย การที่คนมวยออกมายอมรับว่าตัวเขาเองติดเชื้อผมว่าทำให้เชื้อหยุดได้พอสมควร ส่วนตัวเองนั้น เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล 12 วัน กักตัวเองที่บ้านก่อนไปหาหมอ 2 วัน เพื่อนบ้านทุกคนน่ารักมากช่วงกักตัวส่งข้าว ส่งน้ำให้หน้าประตูแบบไม่มีการรังเกียจกัน

 

พอออกจากโรงพยาบาลเราก็กักตัวเองอีก 14 วันตามที่หมอสั่ง ไม่ประมาท โรคนี้ไม่น่ากลัวเหมือนที่ทุกคนคิด หากเรารู้จักวิธีการรับมือ มีหัวใจที่เข้มแข็ง ช่วงการรักษาตัวผมกินอาหารแทบไม่ได้เลย 2 วันเต็มเพราะเหม็นมาก มีอาเจียนนิดหน่อย แต่พอเริ่มทานข้าวได้ก็ดีขึ้น คนเราถ้ากินข้าวได้ไม่ตายหรอก โรคนี้แปลกมากเป็นโรคที่รักษาตัวมันเอง บางคนไปโรงพยาบาลไม่ต้องกินยาสักเม็ด แต่ก็หาย ส่วนตัวของผมกินยาฆ่าไวรัส 4 วัน ผมจะใช้วิธีกินน้ำขิงควบคู่กันไปด้วยเพราะจะรู้สึกว่าหายใจโล่งขึ้นเมื่อกินน้ำขิง ระหว่างรักษาคุณหมอจะใช้วิธีโฟนด้วยเสียงเข้ามาในห้อง ยกเว้นต้องมีการเจาะเลือด หรือเอ็กเรย์ปอด แถมยังมีหมอจิตวิทยามาถามตลอดว่าเครียดไหม ผมจะไม่ค่อยเครียด ฝากถึงทุกคนว่าอย่าไปเครียด

 

“เซียนมวยที่รักษาตัวหายเป็นปกติแล้วประมาณ 50 กว่าคนขึ้นไปเราจะร่วมกิจกรรมเสียสละเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินและเพื่อคนไทยทุกคนด้วยการบริจาคเลือดเพื่อนำไปสกัดพลาสม่า ผมพร้อมเป็นแกนนำที่จะรวมตัวเซียนมวยที่รักษาตัวหายแล้วไปบริจาคเลือด หากเลือดของพวกผมสามารถรักษาโรคโควิด-19 ให้หายได้ พวกผมยินดีแบบไม่มีข้อแม้เลย ตอนนี้พวกเซียนมวยเริ่มทยอยไปบริจาคเลือดกันแล้ว แต่บางคนยังต้องกักตัวให้ครบก่อน คาดว่าไม่เกินวันที่ 20 เมษายน จะนัดกันไปบริจาคพร้อมกัน 30 – 40 คน เพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่าเรามีความจริงใจนะ”

 

สำหรับรายชื่อเบื้องต้นเซียนมวยที่เตรียมบริจาคน้ำเหลืองเพื่อทำ “พลาสม่า” ช่วยผู้ป่วยโควิด-19
1.ชู ทางด่วน
2.มีแน่ ศิษย์เส่ย
3.หนุ่ม บางกระดี่
4.ชาย มีนบุรี
5.ฮะเก๋า ท่าข้าม
6.เดี่ยว งานเบาเบา
7.เปาเปียว สายแข็ง
8.บิ๊ก มวยตู้
9.เจส บางกระดี่
10.แดง หมอชิต
11.เจ๊รัตน์
12.เสี่ยเบส เชียงใหม่
13.กร วิษณุกลการ
14.ไก่ ศิษย์แก้วประพล
15.ศักดิ์ เกียรติอนันต์
16.รองอ๊อด สารคาม
17.เสี่ยฟลุ๊ค นครสวรรค์
18.เจี๊ยบ สุพรรณ
19.เบนซ์ พระราม2
20.โต้ง ตะลิ่งชัน
21.เจ๊ไก่ ล็อค3
22.สกล มวยตู้9955
23.เจ๋ง เด่นชัยภูมิ
24.เต้ เยาวราช
25.เหิน อุบล
26.อึ่งอุบล คนรวยเพื่อน
27.โอเล่ กม8
28.ปู สระบุรี
29.มิสเตอร์ป๋อง
30.เค แปดริ้ว
31.กล้วย ฉวาง
32.ยุทธ สุราษ
33.เจริญพร เจพาวเวอร์รูฟภูเก็ต
34.กล้า ฉวาง
35.น้อง สิงห์มาวิน
36.โจ้ สกล
37. บ่าวบึงกาฬ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง