รีเซต

KTB-SCB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้

KTB-SCB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้
ทันหุ้น
14 มีนาคม 2568 ( 09:38 )
7

#ทันหุ้น - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.69 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.78 บาทต่อดอลลาร์

 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงทยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 33.68-33.87 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ในช่วงแรกตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Jobless Claims)

และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และออกมาดีกว่าคาด อีกทั้ง ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนกุมภาพันธ์ ก็ออกมา +3.2% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอ แต่อัตราเงินเฟ้อสูง) อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกจำกัดลง ก่อนที่เงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่า หลังบรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาเศรษฐกิจหลัก อย่าง ยุโรป ซึ่งภาพดังกล่าวได้ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ (ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง) ทองคำ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) โดยราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) และแกว่งตัวแถวโซน 2,980-2,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติม และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

 

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) อีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป อีกทั้งบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ก็เผชิญแรงเทขายเพิ่มเติม นำโดย Meta -4.7%, Apple -3.4% ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.96% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.39%

 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.15% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า ตอบโต้กัน ระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาแนวโน้มการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาลเยอรมนี ว่าจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปพอได้แรงหนุนบ้าง จากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นบริษัทยายักษใหญ่ Novo Nordisk +3.4% หลังนักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

 

ในส่วนตลาดบอนด์ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้หนุนความต้องการถือครองบอนด์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.28% ทั้งนี้ เราคงประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องติดตามทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และผลการประชุม FOMC ของเฟด เดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้ ทำให้เราคงแนะนำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip โดยไม่ไล่ราคาซื้อ ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน ในลักษณะ Sideways แม้ว่า เงินดอลลาร์จะพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Stagflation จากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่เงินดอลลาร์ก็ถูกกดดันจากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่แข็งค่าขึ้น ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้โดยรวมเงินดอลลาร์แกว่งตัวแถวโซน 103.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.6-104.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) สามารถปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High)  เข้าใกล้โซน 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan Consumer Sentiment) ของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภคครัวเรือน นอกจากนี้ ในรายงานเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดจะจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้

 

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอังกฤษ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 รวมถึง ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนมกราคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ

 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีความเสี่ยงที่จะพลิกกลับไปอ่อนค่าลงได้ หากตลาดการเงินเผชิญแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ อาจยังพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง หากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways อีกทั้ง เรามองว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ อาจหนุนให้ฟันด์โฟลว์ทยอยไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มเติม และอาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ผ่านการทยอยปรับลดสถานะ JPY-Carry Trade ได้ (แต่เรามองว่า การปรับลดสถานะดังกล่าวจะไม่ได้รุนแรง จนทำให้เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นหนัก เหมือนในปีก่อนหน้า เพราะล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้มีสถานะ Net Long JPY พอสมควรแล้ว ต่างจากช่วงไตรมาส 3 ของปีก่อน ที่ผู้เล่นในตลาดต่างมีสถานะ Net Short JPY ที่สูงมาก)

 

ทั้งนี้ เนื่องจากเราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงได้ไม่ยากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จากทั้งโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ อย่าง ดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะเกินดุลลดลงชัดเจนและเสี่ยงขาดดุล ในช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว และความเสี่ยงการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ทำให้ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาด ทั้งฝั่งผู้นำเข้า และผู้ที่มีภาระจ่ายเงินตราต่างประเทศ ควรใช้จังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากอานิสงส์ของการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ในการทยอยปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และควรที่จะพิจารณากลยุทธ์ปิดรับความเสี่ยงด้วยเครื่องมืออื่นๆ อาทิ Options ซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้มีประสิทธิภาพในช่วงตลาดการเงินผันผวนสูง

 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.85 บาท/ดอลลาร์

ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.55-33.75 บาท/ดอลลาร์

 

ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงข้ามคืนจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นเร็ว ด้านดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ ออกมาที่ 3.2%YOY ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ US Treasury yields ปรับลดลง แต่ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐยังสูง

 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากยุโรปเป็น 200% หากกลุ่มสหภาพยุโรปไม่ยอมยกเลิกแผนเก็บภาษี 50% สำหรับวิสกี้อเมริกันในทันที

 

การหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนมีสัญญาณคืบหน้า โดยนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียต้องการหารือร่วมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อน

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง