อุตสาหกรรมพลาสติกไทย เสนอรัฐใช้ 4 มาตรการ รับมือภาษีทรัมป์

กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับ จัดโครงการ Econmass Talk ในหัวข้อ "อุตสาหกรรมพลาสติกไทยได้หรือเสีย...จากภาษีทรัมป์"
นายเดชาธร ฐิสิฐสกร คณะทำงานสายงานเศรษฐกิจและการค้า กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐกับประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าจากไทยลดลงอย่างชัดเจน
โดยผลกระทบจากมาตรการภาษีดังกล่าว ยังนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Trade Diversion หรือการเบี่ยงเบนทางการค้า ประเทศผู้ผลิตที่เคยส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา เช่น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน หรือซาอุดีอาระเบีย เริ่มหันมาเจาะตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ไทยจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ แต่ขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันทางการแข่งขันกับผู้ผลิตไทยโดยตรง นอกจากนี้ สินค้าจีนจำนวนมากยังเริ่มทะลักเข้าสู่ตลาดไทย ทำให้ผู้ผลิตในประเทศต้องเผชิญกับการแข่งขันทั้งในด้านราคาและคุณภาพ
ทางรอดของภาคอุตสาหกรรมไทย ต้องปรับตัว ยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อหลีกหนีจากการแข่งขันด้านต้นทุน การสร้างพันธมิตรในห่วงโซ่การผลิต การพัฒนานวัตกรรมและความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต รักษาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก
ด้านนายฐิติธัม พงศ์พนางาม ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ส.อ.ท. กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมฯ เตรียมเสนอภาครัฐเร่งออกมาตรการที่รองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ได้แก่ การเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ให้ชัดเจน และกับประเทศคู่ค้าใหม่เพื่อลดอุปสรรคภาษีและสร้างตลาดส่งออกเพิ่มเติม การสนับสนุนการลงทุนด้านเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานและการสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียนเต็มรูปแบบ
ในขณะเดียวกัน พิจารณาออกกฎหมายภาคบังคับเพื่อผลักดันการใช้พลาสติกรีไซเคิลที่ผลิตได้จากทรัพยากร หมุนเวียน ควบคู่กับการใช้มาตรการป้องกันการทุ่มตลาดและคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศ ซึ่งการดำเนินการตามข้อเสนอเหล่านี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ภาคอุตสาหกรรมไทย ผลักดันให้อุตสาหกรรมรีไซเคิล กลายเป็น New S-Curve ของเศรษฐกิจไทยในอนาคต เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ และสร้างความยั่งยืนให้ Supply Chain
โดยการเสวนาในครั้งนี้ได้ให้มุมมองถึงความท้าทายจาก US Tariff ทั้งสองกลุ่มอุตสาหกรรมเห็นตรงกันว่า ผู้ประกอบการไทย เสียเปรียบด้านราคา มีแนวโน้มสูญเสียตลาด ภาคเอกชนไทยต้องเร่งปรับตัว ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีจุดเด่น (Product Differentiation) เน้นคุณภาพและบริการที่เหนือกว่า เพิ่มนวัตกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ (Brand Image) ที่ดีในตลาดโลก รวมถึงการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การร่วมทุนหรือการร่วมมือทางเทคโนโลยี
กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ส.อ.ท. มีการเตรียมนำเสนอภาครัฐพิจารณาสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านมาตรการสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่
1. ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content) เพื่อสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน
2. ปรับปรุงกฎเกณฑ์ด้านภาษี ช่วยลดต้นทุนการแข่งขันในตลาดโลก
3. ปกป้องตลาดจากการทุ่มตลาดเพื่อรักษาความเป็นธรรมในการแข่งขัน
4. สร้างเครื่องจักรทางเศรษฐกิจใหม่ด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียนของพลาสติกครบวงจร
แม้ว่าไทยต้องเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ยังคงเป็นฐานการผลิตปิโตรเคมีที่สำคัญของภูมิภาค ด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมโยงโลจิสติกส์ ต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม และคุณภาพสินค้าที่เชื่อถือได้ ทำให้ไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันและดึงดูดความเชื่อมั่นจากตลาดโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
