รีเซต

LH โบรกฯ ชูหุ้นเด่นกลุ่มฯ ธุรกิจที่อยู่อาศัย บรรลุทุกเป้าหมายในปี 64

LH โบรกฯ ชูหุ้นเด่นกลุ่มฯ ธุรกิจที่อยู่อาศัย บรรลุทุกเป้าหมายในปี 64
ทันหุ้น
6 มกราคม 2565 ( 09:15 )
392
LH โบรกฯ ชูหุ้นเด่นกลุ่มฯ ธุรกิจที่อยู่อาศัย บรรลุทุกเป้าหมายในปี 64

ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 10.4 บาท และยังคงเลือก LH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มที่อยู่อาศัย แม้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจให้เช่าและการลงทุนอย่างมาก แต่ LH ยังสามารถบรรลุทุกเป้าหมายในปี 2564 สำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัย การฟื้นตัวของธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่อาศัยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงจะช่วยหนุนกำไรของ LH ให้แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 4/2564 และ ปี 2565

 

ยอดขายปี 2564 ทะลุเป้าหมาย จากอุปสงค์ในระดับสูงต่อโครงการบ้านแนวราบของ LH จากสินค้าแบรนด์ และทำเลที่ตั้งที่มีความโดดเด่น ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 11% เป็น 2.2 หมื่นลบ. (78.6% ของเป้าหมายปี 2564 ที่ 2.8 หมื่นลบ.) และความสำเร็จของโครงการบ้านแนวราบใหม่จำนวน 4 โครงการในไตรมาส 4/2564 มูลค่า 8.9 พันลบ. จึงคาดว่ายอดขายของ LH ในปี 2564 จะโต 7.6% เป็น 2.86 หมื่นลบ. ซึ่งจะสูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แม้ว่า LH จะตัดสินใจยกเลิกการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดและบ้านแนวราบที่มีมูลค่าสูงถึง 1.0 พันลบ. จาก Backlog ที่มีอยู่ โดยเฉพาะจากโครงการเดอะรูม พญาไท ซึ่งมี Backlog 740 ลบ. ณ ช่วงสิ้นไตรมาส 3/2564 และส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับชาวจีน ทำให้ยอดขายสุทธิของคอนโดในไตรมาส 4/2564 ตกลงสู่แดนลบ

 

รายได้และ GPM ในปี 2564 บรรลุเป้าหมาย แม้ว่ารายได้ในปี 2564 ของ LH จะได้รับผลกระทบจากรายได้คอนโดที่ลดลง อันเนื่องมาจากอุปสงค์ของคอนโดที่ชะลอตัวและปัญหา backlog ของคอนโดที่มีการกล่าวไปก่อนหน้านี้ แต่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ต่ำ เนื่องมาจากวัฎจักรธุรกิจที่สั้นจากการขายจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้จากการขายของ LH ในไตรมาส 4/2564 จะเติบโตเป็นเลขสองหลักทั้ง YoY และ QoQ จนถึงระดับที่สามารถเทียบเคียงได้กับไตรมาส 2/2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2560 ซึ่งหมายความว่า LH จะรายงานรายได้จากการขายปี 2564 ที่เกือบ 3.05 หมื่นลบ. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 3.00 หมื่นลบ. เล็กน้อย 

 

ทั้งนี้ จากประมาณการดังกล่าวและด้วยปัจจัยหนุนจากการประหยัดต่อขนาด จึงคาดว่า GPM ไตรมาส 4/2564 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 32.1% ในไตรมาส 3/2564 และ 31.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ซึ่งจะส่งผลให้GPM ของหน่วยที่อยู่อาศัยของ LH ในปี 2564 อยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับ GPM ปี 2563 ที่ 31.7% ตามแผนที่วางเอาไว้

 

การฟื้นตัวของธุรกิจที่มีรายได้ประจำ และการลงทุนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 นอกจากความคืบหน้าในเชิงบวกของธุรกิจที่อยู่อาศัยแล้ว ฝ่ายวิจัยเห็นถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางกลับมาและจะฟื้นคืนรายได้ให้กับธุรกิจที่มีรายได้ต่อเนื่อง (โรงแรมและการค้าปลีก) และการลงทุน (HMPRO, LHFG และ QH) ดังนั้น จึงคาดว่าผลขาดทุนของธุรกิจที่มีรายได้ต่อเนื่องเหล่านี้จะลดน้อยลงในไตรมาส 4/2564

 

นอกจากนี้ รายได้จากเงินลงทุนในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะกลับสู่ระดับปกติที่สูงกว่า 600 ลบ. จากตัวเลขที่ต่ำกว่าปกติที่ 466 ลบ. ในไตรมาส 3/2564 ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากำไรของ LH ในไตรมาส 4/2564 จะดีดตัวขึ้นอย่างมาก จากไตรมาส 3/2564 จนสามารถเทียบเคียงได้กับไตรมาส 2/2564 ที่ 1.9 พันลบ. แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.3 พันลบ. ในไตรมาส 4/2563 เมื่อ LH มีการบันทึกกำไรก่อนหักภาษีจากการขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ จำนวน 405 ลบ. เห็นว่าปัจจัยเหล่านี้จะดีขึ้น อีกในปี 2565 และจะเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรหลักในปี 2565

 

คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 10.4 บาท สำหรับ LH โดยการเติบโตของกำไรที่มั่นคง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากธุรกิจทั้งหมดภายใต้พอร์ตและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่จะทำให้ LH มีโอกาสสร้างอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลให้กับนักลงทุนที่ราว 7% จะมีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างราคาปิดล่าสุดกับราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย

 

นอกจากนี้ กำไรที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมการขายสินทรัพย์จะเป็น upside risk ต่อประมาณการกำไรปี 2565 ของฝ่ายวิจัย โดย LH วางแผนที่จะประกาศแผนธุรกิจปี 2565 ในวันที่ 13 ม.ค.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง