รีเซต

ศาลพิเศษยูเอ็นพิพากษาคนผิด คดีลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน

ศาลพิเศษยูเอ็นพิพากษาคนผิด คดีลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน
มติชน
19 สิงหาคม 2563 ( 06:33 )
110
ศาลพิเศษยูเอ็นพิพากษาคนผิด คดีลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน

ศาลพิเศษที่ตั้งขึ้นภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติได้ตัดสินให้ชาย 1 คน จาก 4 คนมีความผิดในคดีการลอบวางระเบิดสังหารนายเราะฟีก ฮัลฮะรีรี อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน เมื่อปี 2548

 

นายซาลิม อัยยาสห์ และผู้ต้องหาอื่นอีก 3 คน เป็นสมาชิกของกลุ่มเฮชบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นมุสลิมชีอะห์ ขณะที่นายฮัลฮะรีรีเป็นนักการเมืองมุสลิมสุหนี่ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้ที่ทำให้สามารถยุติสงครามกลางเมืองในเลบานอนลงได้ ทั้งยังมีฐานะร่ำรวยและทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง ก่อนที่จะถูกลอบสังหาร ซึ่งนำไปสู่ความโกรธแค้นระหว่างชาวมุสลิมทั้งสองนิกายต่อเนื่องยาวนาน

 

ทั้งนี้ศาลได้ตัดสินว่านายอัยยาสห์มีความผิดจริงในข้อหาวางแผนกระทำการอันเป็นการก่อการร้าย ลอบสังหารนายฮัลฮะรีรี รวมถึงบุคคลอื่นๆ อีก 21 คน และพยายามจะวางแผนสังหาครคนอีก 226 คนด้วยการระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ดีผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกไต่สวนโดยไม่ได้มาปรากฎตัวต่อศาลแต่อย่างใด

 

ศาลพิเศษว่าด้วยกรณีเลบานอนได้อ่านคำตัดสินที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ว่า นายอัยยาสห์ทำผิดตามข้อกล่าวหาข้างต้น ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 3 คนพ้นผิดเนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะที่นายมุสตาฟา บาเดรดไดน์ ชายผู้ต้องสงสัยรายที่ 5 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารของกลุ่มเฮชบอลเลาะห์ถูกถอดชื่อออก เนื่องจากเสียชีวิตในซีเรียเมื่อปี 2559 แม้ว่าอัยการจะระบุว่าเขาเป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการลอบสังหารนายฮัลฮะรีรีก็ตาม

 

ผู้พิพากษาระบุว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าผู้นำกลุ่มเฮชบอลเลาะห์ หรือรัฐบาลซีเรียมีส่วนในการโจมตีที่เกิดขึ้น ขณะที่กลุ่มเฮชบอลเลาะห์ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสังหารนายฮัลฮะรีรีเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 แต่อย่างใด

 

การตัดสินคดีดังกล่าวมีขึ้นขณะที่เลบานอนกำลังตกอยู่ภายใต้วิกฤตการณ์ทางการเมืองอย่างหนัก หลังเหตุระเบิดกลางเมืองเนื่องจากแอมโมเนียมไนเตรตหลายพันตันที่เก็บไว้อย่างไม่ปลอดภัย จนทำให้ประชาชนโกรธแค้นไม่พอใจรัฐบาลอย่างรุนแรง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง