CK จ่อออกหุ้นกู้ 4 ชุด อายุ 3-10 ปี ชูดบ. 3.30-4.20% ขาย 18, 21-22 เม.ย.นี้

#ทันหุ้น - ช.การช่าง เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) จำนวน 4 ชุด อายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยระหว่าง [3.30-4.20]% ต่อปี คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 18 และ 21-22 เมษายน 2568 โดยมีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เผยหุ้นกู้ฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- แนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างและลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ด้วยงานในมือ (Backlog) สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 210,153 ล้านบาท
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เตรียมออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ประกอบด้วย
หุ้นกุ้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.30-3.50]% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.60-3.80]% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80-4.00]% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.00-4.20]% ต่อปี
สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 2-4 มีเงื่อนไขให้ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ตามเงื่อนไขที่ระบุในข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้
โดยกำหนดจ่ายดอกเบี้ยคงที่ทุก 6 เดือน ซึ่งบริษัทฯ จะประกาศผลตอบแทนที่แน่นอนอีกครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอขายได้ในระหว่างวันที่ 18 และ 21-22 เมษายน 2568 ผ่านสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร สะท้อนสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงการที่มีความซับซ้อน และมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
ปัจจุบัน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจการก่อสร้าง ทั้งระบบขนส่งมวลชน ท่าอากาศยาน ถนน ทางด่วน รถไฟทางคู่ สะพาน ระบบพลังงาน ระบบน้ำและท่าเรือ และ (2) ธุรกิจการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ด้วยการเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคด้านต่างๆ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางพิเศษและระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางพิเศษและรถไฟฟ้าในสัดส่วน 37.18% บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ผลิตจำหน่ายน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรในสัดส่วน 19.40% และถือหุ้นในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ผู้ผู้ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าแก่ กฟผ. และ กฟภ. ในสัดส่วน 30.00% (ข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567)
นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ และชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างทางการเงิน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ให้มากขึ้น โดยบริษัทฯ เชื่อว่า หุ้นกู้ ช.การช่าง จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“หุ้นกู้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนโดยรวมที่มีความผันผวน หุ้นกู้ ช.การช่าง ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “A-” ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน ทั้งผู้ที่เคยลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง มาแล้ว และผู้ลงทุนรายใหม่ที่เห็นถึงความมั่นคงและโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมา หุ้นกู้ของบริษัทฯ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้น โดยสามารถจ่ายได้ครบถ้วนและตรงตามกำหนดเวลาทุกครั้ง” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของ ช.การช่าง ยังสะท้อนผ่านผลการดำเนินงาน โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ มูลค่า 210,153 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากสัญญาก่อสร้างในปี 2567 อยู่ที่ 37,458 ล้านบาท คิดเป็น 97% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 973 ล้านบาทจากปีก่อน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 3% ปัจจัยหลักมาจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยรับรู้รายได้ในการก่อสร้างทั้งโครงการที่มีอยู่และโครงการใหม่ รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งเงินลงทุนจากกิจการที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน
ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาขนาดใหญ่ อาทิเช่น
- เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567บริษัทฯได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มกับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 109,216 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัญญางานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา (Civil Works Contract) มีมูลค่าโครงการ 82,502 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และสัญญาจ้างงานจัดหาระบบรถไฟฟ้า (M&E Works Contract) มีมูลค่าโครงการ 26,714 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
- เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567บริษัทฯได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในสัญญาจ้างจัดหาขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติมและปรับปรุงระบบรถไฟฟ้า มีมูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการเซ็นสัญญางานก่อสร้างในปี 2568 ประกอบด้วย โครงการทางด่วนยกระดับชั้นที่ 2 มูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ส่วนต่อขยายฝั่งใต้) งานระบบและซ่อมบำรุง มูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างใหม่อีกอย่างน้อยปีละประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากเร่งรัดการประมูลงานและการเซ็นสัญญางานก่อสร้างในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของภาครัฐ เช่น งานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง งานรถไฟทางคู่ และงานขยายสนามบิน เป็นต้น
โดยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ ได้รับการประเมิน ESG Rating ประจำปี 2567จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นจากระดับ A สู่ระดับ AA รวมถึงได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2567 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาล
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยติดต่อผ่าน 3 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่าน Bangkok Bank Mobile Bankingสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)